ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ตู้ปันสุข คุณต้องการสิ่งใด?



ช่วงนี้ข้าพเจ้าได้ยินถึงเรื่อง  #ตู้ปันสุข  ที่มีการเอาของไปไว้ในตู้แล้วให้ผู้คนหยิบจับข้าวของในนั้นไปกินไปใช้ได้
และถ้ามีใครอยากร่วมแบ่งปัน  ก็นำของมาไว้ในตู้ได้เช่นกัน  เรียกง่าย ว่าแบ่งปันกันไป

แต่เหตุการณ์ที่(ไม่)คาดหวังก็เกิดขึ้น  ซึ่งได้เกิดอย่างหนักและหนักขึ้นเรื่อย  
เมื่อมีการพบว่า  บางตู้บางแห่งนั้น  ผู้คนไม่ได้มาหยิบของไปชิ้นสองชิ้นแต่พอเพียง  แล้วก็ทิ้งโน้ตขอบคุณไว้
เหมือนดังที่ผู้เอาของไปใส่ตู้ปรารถนาจะให้เป็นเช่นที่คิด  หรือเช่นที่เห็นในบางประเทศ, บางแห่ง
การณ์กลับเป็นว่า  ผู้คนแห่ไปเอาของในตู้อย่างชนิดที่ว่า  หมดภายในชั่วพริบตา  บางคนก็เอารถมาขนเอาบ้าง
บางคนตั้งตู้ไว้หน้าบ้าน  พอของหมดจะเอาไปเติม  เห็นคนแห่มารอเยอะแยะ  ก็เลยไม่เติมของ
ผู้คนที่มารอก็เลยด่าทอสาดเสียเทเสียบ้าง  ว่าขึ้นป้ายจะแจกทำไมไม่เอามาแจก  กดออดด่าเข้าไปในรั้วบ้าน
จนก่อให้เกิดความคำถามและความเสียอกเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อเพื่อนมนุษย์
อย่างนี้ก็ได้ยินได้ฟังมา

ข้าพเจ้าขอแบ่งปันเล็กน้อยในฐานะที่เคยทำลักษณาการคล้ายตู้ปันสุขนี้มาบ้าง  ก็คือ  ทำโรงทาน
โรงทาน  ก็คือ  สถานที่สำหรับแจกของนั่นแหละ  เราก็เอาของมาแล้วก็แจกให้แก่ผู้คน
อาจจะเป็นเทศกาลงานบุญบ้าง  หรือเทศกาลงานอื่นบ้าง  ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับวัดวาศาสนา
หรือไม่ก็งานพิธีสำคัญต่าง ที่มีคนมามากหน้าหลายตา  นัยว่าเพื่อให้คนที่มางานนั้นได้มีของกิน
ของที่แจกก็มีทั้งของกินสำเร็จรูป  น้ำท่า  หรือแม้กระทั่งอาหาร

หะแรกข้าพเจ้าเคยไปแจกน้ำผลไม้  ซื้อไปเป็นลัง พร้อมด้วยขนมขบเคี้ยว  ขนไปประมาณ 2 รถบรรทุก
แจกอยู่ 2 วัน  ตอนแรกคนก็แห่มาเอาเยอะมาก  บางคนก็เอาถุงพลาสติกมาขนใส่ บางคนเอาแล้วมาเอาอีก
เอาแล้วมาเอาอีก  สามรอบสี่รอบก็มี
บางคนก็ขอไปทั้งลังก็มี  ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ว่าอะไร  เพราะเราเอามาแจกอยู่แล้ว
แต่แจกเท่าไหร่ก็ไม่หมด  เพราะของมันเยอะ  คือแจกจนของเหลือเพราะไม่มีผู้ปรารถนาเสียแล้ว  เพราะได้กันไปหมดทุกคนแล้ว
ที่เล่านี้ไม่ได้ต้องการจะอวดอ้างว่า  ตัวเองร่ำรวยแจกได้ไม่จำกัด  ไม่ใช่อย่างนั้น
แต่สิ่งที่ต้องการจะบอกกล่าวก็คือ  เราแจกของเพื่อสิ่งใด

ในทางศาสนานั้น  การแจกของ  หรือการให้ทาน  มีวัตถุประสงค์ 2 อย่าง
คือเพื่อเป็นทานบารมีอย่างหนึ่ง  แล้วก็เพื่ออานิสงส์ผลบุญอีกอย่างหนึ่ง
ข้าพเจ้าจะบอกว่า  การแจกของแบบโรงทาน  หรือตู้ปันสุขนั้น  ส่วนมาก  เราทำเพื่อเป็นทานบารมี
กล่าวคือ  ทำเพื่อสละละวาง  ทำเพื่อฝึกหัดขัดเกลาจิตใจตัวเอง  ให้ปล่อยวาง  ให้รู้จักเสียสละ
ให้ละซึ่งความเป็นตัวกู  ของกู
ดังนั้น  แม้เขาจะมาเอาแล้วมาเอาอีก  เขาจะเอาไปแล้วเอาไปสะสมก็ดี  กินอึกหนึ่ง  กัดคำหนึ่งแล้วทิ้งขว้างต่อหน้าเราก็ดี
หรือแม้กระทั่งเอาไปขายก็ดี
เราก็ควรทำใจให้ได้ว่า  เราให้ไปแล้ว  ไม่ใช่ของเราแล้ว  เรามาเพื่อเสียสละ  เพื่อฝึกการปล่อยวางว่านั่นไม่ใช่ของกู  ตัวกูแล้วนะ
อันนี้เป็นการบำเพ็ญบารมี
ส่วนถ้าต้องการให้ทานเพื่ออานิสงส์ผลบุญนั้น  ข้าพเจ้าแนะนำ  ให้ทานแก่ผู้ทรงศีล  ให้ทานพระอริยเจ้า  พระอรหันต์
ให้ทานแก่พ่อแม่ (ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านเทียบไว้ว่าเท่ากับอรหันต์ของลูกอันนั้นจะได้อานิสงส์ผลบุญเต็มที่  หวังได้เต็มที่ว่าจะได้รับผลบุญอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ส่วนการให้ทานแบบโรงทานนั้น  จะหวังเอากุศลผลบุญมาก ได้ยาก  แต่สิ่งที่จะได้มากคือบารมี  ที่เรียกว่า  ทานบารมี  อย่างที่กล่าว
(บารมี มี 10 อย่าง  ท่านผู้สนใจสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมเองได้)  

ดังนั้น  ถ้าเราจะให้ทานใน  ตู้ปันสุข  แล้วเราจะหวังว่า  เพราะเราต้องการให้คนได้รับมีความสุข
ให้เขาได้กินได้ใช้แล้วมีความสุข  จึงเป็นการคาดหวัง”  ที่เกินผล”  ที่ควรจะเป็นของมันหรือไม่
เพราะเราลองนึกดู  ถ้าสิ่งที่เขาได้ไป  ไม่อร่อย  เขากัดเข้าไปคำเดียว  คายทิ้ง  เขามีความสุขไหม
หรือถ้าเขาเอามันไปขาย  แล้วเอาเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ  เพราะนั่นคือความสุขของเขา  เราจะไปทำอะไรเขาได้ไหม
มันก็ทำอะไรไม่ได้  เพราะนั่นคือสิทธิ์ของเขา  เราให้ไปแล้ว  เขาก็มีสิทธิ์เอาไปทำอะไรก็ได้
ดังนั้น  สิ่งสำคัญของการให้แบบนี้  จึงอยู่ที่ผู้ให้  ว่าผู้ให้มีจิตใจที่พร้อมเสียสละแค่ไหน  ปล่อยวางได้มากแค่ไหน
ต้องให้มันจบที่ตรงนี้
ถ้าให้ไปแล้วยังห่วงหาอาวรณ์  ยังจะตามไปดูไปสืบ  อันนั้นรู้สึกจะเกินหน้าที่  เกินวัตถุประสงค์ไปหรือไม่
เพราะถ้าต้องการขนาดนั้นก็ควรไปทำอะไรสักอย่างที่มันจะแก้ปัญหาตรงนั้นได้  เช่น  ไปทำงานการเมือง  ไปตั้งมูลนิธิ
ให้มันจริงจัง  เป็นกิจจะลักษณะไป  แต่ถ้าแค่เอาของไปให้แล้วจะหวังผลใหญ่หลวงขนาดนั้น
สำหรับโลกใบนี้ก็ย่อมเป็นไปได้ยาก
เพราะเราต้องไม่ลืมว่า  มนุษย์มีหลากหลาย  แตกต่างความคิด  แตกต่างชาติชั้นวรรณะ  การศึกษา  คุณธรรม ฯลฯ
แตกต่างทุกอย่าง
การต้องการปันสุข”  โดยที่ตัวเองต้องประสบทุกข์ในภายหลัง  จึงเป็นสิ่งที่ควรต้องพิจารณาว่า  จะทำหรือไม่ทำ
เพราะถ้าทำ  ก็ต้องคล้อยตามหลักของธรรมชาติ  คือ  เราแบ่งปันด้วยสาเหตุอะไร  
เราคาดหวังในการแบ่งปันของเรานั้นเกินไปกว่าผลที่ควรจะเป็นโดยธรรมชาติของมันหรือไม่ 
ซึ่งตรงนี้ผู้ที่หวังจะให้ต้องตอบคำถามของตัวเองให้ได้
เพื่อจะได้ไม่ก่อดราม่าด่าทอกัน
แล้วก็เป็นเหตุให้เสียศรัทธาในการทำความดี  เสียศรัทธาในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองในที่สุด


ธัชชัย ธัญญาวัลย
12.05.2563

.. ภาพประกอบคือ  เราเอาหนังสือ #นิทานจัญไร ไปแจกเด็ก   ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง  เมื่อสามปีที่แล้ว  นัยว่าเพื่อส่งเสริมการอ่าน  
เราไม่ได้ต้องการรูปภาพ  แต่คุณครูเขาก็อุตส่าห์ถ่ายภาพมาให้ดู



ไม่มีความคิดเห็น: