ความจริงข้าพเจ้าไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยากเล่าเรื่อง homeless ต่อแล้ว
คือมันจะเป็นยังไงก็ช่างแม่มัน
เพราะข้าพเจ้าขี้เกียจเล่า
แต่ก็นั่นแหละ
ข้าพเจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ homeless
เพราะเราต่างมีกันและกันเพียงแค่คนผ่านทาง
เราสบตากันในบางครั้ง
และในบางครั้งเราก็อาจจะสังเวชในความเป็นไปของกันและกัน
ความจริงข้าพเจ้าชอบวิถี homeless
ความเป็นชายไร้บ้านเป็นสุดยอดอุดมคติแห่งความเป็นมนุษย์
ทำไมเราต้องมีบ้าน
มนุษย์อ่อนแอเกินไปที่จะไม่จำเป็นต้องมีบ้านอยู่เสียแล้วในปัจจุบันนี้
อย่างนั้นหรือ
เราหลงลืมความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษแห่งมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ
หากินไปวัน ๆ
ไม่กักตุนจนเกินพอดี ไม่ฉาบทาด้วยเครื่องเคราแห่งความรุงรังของชีวิต
อย่างนั้นหรือเปล่า
ข้าพเจ้าเคยสงสัยเหมือนกันว่า
homeless มีแนวความคิดเกี่ยวกับชีวิตอย่างไร
เขามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด
ในเมื่อเขาไม่ต้องการบ้าน
เขาต้องการเพียงเครื่องนุ่งห่ม อาหาร
ข้าพเจ้าไม่รู้เหมือนกันว่า เขาป่วยบ้างหรือเปล่า
เขาทำอย่างไรเมื่อป่วย
แต่ที่ทราบแน่ ๆ คือ หากฝนตก
แหล่งพักพิงที่ดีที่สุดของเขาคือ ตู้โทรศัพท์
ข้าพเจ้าเห็นเขายืนตัวสั่นในตู้โทรศัพท์ในวันที่ฝนตก
เขาสวมเสื้อกันฝนก็จริง
แต่ต้องยืน
และตู้โทรศัพท์ก็คงไม่อาจกันฝนได้เด็ดขาด
หรือไม่อาจกันความเหน็บหนาวแก่ร่างกายของเขาได้
และที่สำคัญ
ค่ำนี้เขาจะนอนไหน
หากฝนตกทั้งคืน
พื้นที่เขาเคยนอนมันเปียกไปหมด
เขาต้องยืนทั้งคืนด้วยหรือเปล่า
การได้นอนในที่นอนอุ่น ๆ ในฤดูฝนยามฝนพรำนั้น
เป็นยอดแห่งบรมสุขของมนุษย์ผู้มีบ้าน
หากเราเป็นชายไร้บ้าน
เราจะยังมีความสุขกับฤดูฝนอยู่ไหม
เพราะเพียงแค่เราต้องเดินตากฝนกลับบ้าน
ก็ลำบากยากจะแย่
ซึ่งนั่นยังไม่สำคัญเท่ากับว่า
เขากินข้าวอิ่มไหมในแต่ละวัน
อาบน้ำที่ไหน
หรือแม้กระทั่ง
มีใครพูดคุยกับเขาบ้างหรือเปล่า
มีใครรับทราบความทุกข์ยากที่เขาอยากบอกเล่าบ้างหรือไม่
เขามีอดีตอันขมขื่นหรือชื่นสุขมากเพียงใด
ข้าพเจ้าเคยคิดเล่น ๆ ว่า
เขาอาจเป็นร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาก็ได้
เพราะท่าทางเขาดูดีเกินไป
หรือไม่
ก็อาจเป็นร้อยตำรวจโท
แต่คำถามก็คือ
เขาจะต้องปลอมตัวไปอีกนานแค่ไหน
บางวันข้าพเจ้าก็ไม่เห็นเขาอยู่ในที่ที่เคยอยู่
เขาอาจกำลังไปสืบข่าวยาเสพติด
หรืออะไรสักอย่างก็ได้
มีคนเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า
เคยเห็นเขาไปล้างจานให้ลุงขายก๋วยเตี๋ยวไก่
เพื่อแลกกับเงินหรืออาหาร
ซึ่งลุงก๋วยเตี๋ยวไก่นี้
มาขายตอนกลางวัน
และมาบ้างไม่มาบ้าง
ตามแต่อารมณ์จะนำพา
หรืออาจจะตามแต่ความสะดวก
หรืออาจจะตามแต่ว่า
เมียเขาเตรียมของให้หรือเปล่า
ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่า
เขามีเมียหรือไม่ ( ทุกสิ่งเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน )
และเขาขายก๋วยเตี๋ยวไก่ไปเพื่ออะไร
หากเขาไม่ทำทุกวัน
เขามาบ้างไม่มาบ้าง
ใครจะเป็นลูกค้าประจำ
มันเป็นชีวิตที่อิสระอย่างยิ่งที่จะทำอย่างนี้ได้
ราวกับว่า
แล้วแต่อารมณ์ศิลปินจะนำพา
อย่างนั้นหรือเปล่า
มันเป็นเรื่องที่คนอย่างข้าพเจ้ายากจะเข้าใจ
มีชายอีกคนหนึ่งแห่งสาธุประดิษฐ์
เขาชื่อว่า ตาเถียร
ตาเถียร หรือ ตาเถียน หรือ ตาเถียล
หรืออาจจะ ตราเถรียน ก็ไม่ทราบ
เพราะข้าพเจ้าไม่เคยรู้ชื่อจริงของแก
สมมติว่า ตาเถียร ก็แล้วกัน
ตาเถียรแกขายพวกลูกชิ้น หมึกย่าง หรืออะไรเทือกนี้
จะผ่านมาถึงหน้าคลินิกตอนเย็น ๆ
จากนั้นก็หยุดขาย
ไปเข้าบ่อนเล็ก ๆ ที่อยู่เลยถัดไปอีกหน่อย
เงินทั้งหมดที่ขายปลาหมึกได้
ก็อาจจะหมดไปกับบ่อน หรืออาจจะได้ก็ได้
นักพนันด้วยกันย่อมรู้ดี
แต่ข้าพเจ้าไม่ค่อยทราบ
เท่าที่ทราบก็คือ
หากวันไหนมาขายบ่อย ๆ แปลว่าต้องการเงิน
หากวันไหนไม่มาขายอาจเป็นได้สามอย่าง
คือ เล่นพนันได้
กับ เมียไม่ทำของให้
หรือ มีลูกค้าสั่งเหมาพิเศษ
ซึ่งถ้าวันไหนเกิดปรากฏการณ์หนึ่งในสามที่ว่านี้
เราจะไม่เห็นตาเถียรปั่นรถของแกมา
แต่จะเห็นแกมุ่งตรงมาที่บ่อนโดยถ่ายเดียว
ความจริง ตาเถียรก็ไม่ต่างกับลุงก๋วยเตี๋ยวไก่
มีชีวิตที่อินดี้
วันไหนอยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ไม่ขาย
แต่ตาเถียรอาจจะไม่ต้องง้อลูกค้าประจำ เพราะเข็นรถมาเรื่อย ๆ
นัยว่า พอถึงหน้าบ่อน ก็ขายของหมดพอดี
หรือถ้าขายไม่หมด ก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ
เพราะถึงเวลาแห่งความสุขของแกแล้ว
บางที ในขณะที่เราสงสาร homeless
homeless อาจจะนึกสมเพชเราอยู่ในใจ
ว่าทำไมเราจะต้องดิ้นรน
เพื่อหลายอันหลายสิ่ง
เพื่อความผูกมัดรัดตรึงชีวิตให้แน่นเข้าและแน่นเข้า
ด้วยบ้าน เงิน รถ โทรศัพท์ สิ่งอำนวยความสะดวกสบาย
ด้วยการท่องเที่ยว ด้วยส้นตีนหรือด้วยห่าด้วยเหวอื่น ๆ ( ที่เราปรารถนา )
homeless อาจจะนึกเยาะหยันในความโง่งมของเรา
ที่เราต้องเดินไปทำงานทุกวันให้ทันเวลา
กลับบ้านตามที่งานอนุญาตให้กลับ
หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เอาติดตัวไปไม่ได้
และตายเปล่าอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่า
ไม่เคยมีเราปรากฏอยู่ในโลกใบนี้มาก่อน
ความจริงข้าพเจ้าก็ไม่ต่างจาก homeless
เป็นชายไร้บ้าน
เร่ร่อนและรอนแรม
ทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพไปวัน ๆ
ไม่มีความมั่นคงเป็นแก่นสารอันใด
ไร้สมบัติพัสถาน
ชีวิตมันอ่อนไหวและเปราะบางถึงขนาดนั้น
ขนาดที่ว่า
หากเราเป็นอะไรไปเมื่อไหร่
ทุกอย่างก็ปลิวหายวายวับ
9 กันยายน 2558