ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ศิลปะของการเป็นนักฟังที่ดี


ความจริงข้าพเจ้าไม่ควรจะต้องพูดเรื่องนี้

หากข้าพเจ้าก็เพียงแต่พูด

พูดก็เพื่อที่จะพูด  และพูด

ดังเช่นข้าพเจ้าฟัง  เพื่อที่จะฟัง  และฟัง

สิ่งที่มนุษย์พึงปฏิบัติในฐานะของความเป็นนักฟังที่ดี

ก็คือ  ฟัง  ฟัง  และฟัง

หมายถึงนักฟังที่ดีสำหรับเพื่อน  สำหรับคนที่อยู่เคียงข้าง

ไม่ใช่นักฟังที่ดีสำหรับตัวเอง



ความเป็นนักฟังที่ดีสำหรับคนที่เราอยู่ข้าง ๆ

คนที่อยู่เคียงข้างเรา

เราไม่ฟังเพื่อตัดสิน

เราไม่ฟังเพื่อแก้ไขปัญหา

เราไม่ฟังเพื่อดุด่าว่ากล่าว

เราไม่ฟังเพื่อสะท้อนห่าเหวอะไรทั้งสิ้น

เราฟังเพียงเพราะว่า  เราฟัง  เราเป็นผู้ฟัง

เราเป็นเพื่อน  เราเป็นที่คนที่อยู่ข้าง ๆ

เราฟังเพียงเพราะเรารู้ว่า  เขาต้องการคนฟัง

เขาต้องการระบัดระบายความรู้สึกนึกคิดของเขา



กระนั้นก็ดีมีคนมากมายในโลก  ไม่รู้จักศิลปะแห่งการฟัง

ในฐานะคนเคียงข้าง  ในฐานะเพื่อนมิตร  ที่ช่วยปลอบประโลมด้วยการฟัง

การปลอบประโลมด้วยการฟัง  คือ  การฟัง  ฟัง  และฟัง

ไม่มีการตัดสินว่าใครถูกใครผิด  หรืออะไรควรต้องเป็นเช่นไร

หน้าที่ของคนที่ต้องฟังมีอย่างเดียว  คือ  ฟัง



มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่เรามีคนที่รับฟังเรา

โดยไม่ได้ตัดสินอะไร ๆ  ไม่ได้ให้ความเห็นโง่ ๆ

หรือพยายามจะเป็นกลาง

พยายามจะแก้ต่างแก้ตัวให้คนนั้นคนนี้ ( ที่เราไม่ชอบมัน

เพราะถ้าเราชอบมันเราก็คงไม่ด่ามันให้ใครฟัง )

มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่คนที่ฟังเราอยู่เคียงข้างเรา

และเป็นพวกเดียวกับเรา



ข้าพเจ้าเคยฟังเรื่องราวของหลายคน

ข้าพเจ้าฟังเพื่อให้เขารู้ว่า  ข้าพเจ้าฟัง  และอยู่ข้าง ๆ

บางครั้งบางคราว  ข้าพเจ้ารู้จักคู่กรณีของผู้พูด

เขาผู้พูดหลายคนเคยกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า  ไปถามความจริงอีกฝ่ายก็ได้นะ

ข้าพเจ้ากล่าวว่า  ข้าพเจ้าไม่ถามหรอก  ข้าพเจ้าชอบฟังความข้างเดียว

นั่นหมายความว่า  ข้าพเจ้าฟังเพราะข้าพเจ้าเป็นเพื่อน

เพื่อนย่อมไม่ตัดสินเพื่อน  และไม่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อนในเวลาที่เพื่อนต้องการเพื่อน

ไม่พยายามเป็นกลาง  ไม่ส้นตีนห่าเหวอะไรทั้งสิ้น

ทุกคนมีความรู้ผิดชอบชั่วดีที่จะติดสินใจเองว่า

สิ่งที่ตัวเองทำ  พูด  หรือใด ๆ  ออกมานั้น  เป็นอย่างไร

ดีหรือไม่ดี  ในเวลาที่เขาพร้อมจะรู้  ในเวลาที่เหมาะสมของเขา

โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการตัดสินจากคนที่ฟังในขณะนั้นว่า  มันดีหรือไม่ดี

เพราะถ้าหากเขาต้องการจริง ๆ  เขาก็ย่อมถาม

หากเขาไม่ถาม  นักฟังที่ดี  ก็ไม่ควรตัดสินอะไรทั้งสิ้น



บางครั้งเราก็พูด  เพียงเพราะเราต้องการที่จะพูด

ต้องการที่จะระบัดระบายความทุกข์ยาก  ความสุข  ความอิ่มหนำ

หรือแม้กระทั่งความหงุดหงิดรำคาญใจในบางสิ่งบางอย่าง

และเราต้องการแค่ผู้ฟัง

เราไม่ต้องการนักเทศนา   ผู้พิพากษา  คนกลาง  ผู้ไกล่เกลี่ย  นักวิจัยเพื่อค้นหาความจริง

หรือเหี้ยห่าอะไรทั้งหมดทั้งสิ้น

ซึ่งถ้าหากมันเป็นไปไม่ได้

เราก็ไม่ควรพูดให้เขาฟัง

นั่นคือสาเหตุที่ว่า  ทำไม  ไดอารี่ของเรา  จึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา



นานมากแล้วที่ข้าพเจ้าทำหน้าที่รับฟัง

และบางครั้งบางคราวก็เผลอคิดไปว่า  เขาน่าจะฟังเราบ้าง

แต่เขาก็ไม่อยากฟังหรอก  บางคนที่ข้าพเจ้ารู้จัก, เคยรู้จัก

แทบจะอยากปัดเรื่องราวร้าย ๆ  ไปเสียให้พ้น ๆ

บางทีก็ไม่ใช่เรื่องราวร้าย ๆ  หรอก

เรื่องที่เขาคิดว่า  เขาฟังแล้วเขาหดหู่หรือทรมานใจ

ซึ่งก็เป็นสิทธิของเขา

และก็เป็นเรื่องของข้าพเจ้าเองที่พร้อมจะฟังเขาในทุกเรื่อง

และเมื่อเขาไม่พร้อมจะฟังข้าพเจ้าในทุกเรื่อง

ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะพูดให้เขาฟัง

ซึ่งแน่นอนว่า  ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการให้ใครมาฟัง  รับฟัง  หรือเข้าใจข้าพเจ้า

เพราะข้าพเจ้ารับฟังตัวเองได้

และเข้าใจตัวเอง

แต่ด้วยความเป็นมนุษย์เราก็อดที่จะสงสารตัวเราเองไม่ได้

แม้เราไม่ต้องการสิ่งนั้นเลยก็ตาม



ในโมงยามแห่งความเป็นมนุษย์

ข้าพเจ้าก็ทำใจไว้แล้วว่า

ข้าพเจ้าไม่ควรคาดหวังกับอะไร

แต่ในหลาย ๆ  ครั้ง

มันจะดีเสียกว่า  หากคนที่รู้จักเราจะไม่แสดงความไม่รู้จักเรา

มันจะดีเสียกว่าหากเขาจะไม่พูดอะไรออกมา

ซึ่งนั่นหมายความว่า  ถ้าเราไม่รู้จักกันอย่างแท้จริง

ก็นิ่ง ๆ  เสียเถอะ

ไม่ต้องมาทำความเข้าใจ   ไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากเทศนาว่าการ

ไม่ต้องหวังดีในสิ่งที่ไม่รู้จริง ๆ  ว่ามันเป็นที่ต้องการหรือไม่

เพราะมันจะทำร้ายกันและกันเสียเปล่า ๆ  ปลี้ ๆ



09 09 2015