เนื่องจากช่วงนี้ข้าพเจ้าอยู่ในช่วงสนุกสนาน
คือสนุกสนานกับการทำสิ่งนั้นสิ่งนี้
สนุกสนานกับการเดินทาง
กับการทำงาน
การอ่านการเขียนหนังสือ
กับการโหลด Bit ( อันนี้เกี่ยวมั้ย 555 )
หรือแม้กระทั่งกับการเดิน การกิน การนั่ง การนอน
ข้าพเจ้าก็สนุกสนานกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ราวกับว่า โลกนี้ไม่มีความทุกข์ยากอะไรอีกต่อไปแล้ว
เป็นโลกที่สบายสำหรับข้าพเจ้า
เป็นโลกใบใหม่ ที่เราได้ละทิ้งอะไรเก่า ๆ ไปเสียแล้ว
เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสุข
มีเวลาเหลือเฟือ อยากทำอะไรก็ได้ ไม่อยากทำอะไรก็ได้
ไม่มีอะไรมาบังคับเราได้อีกต่อไป
หลังจากหมดเวลา ( ที่มีเหลือเฟือ ) ไปกับการนั่งดูคนนั้นคนนี้ที่สนามบิน
ข้าพเจ้าก็โทรบอกมนุษย์มนาว่า มาถึง ( นาน ) แล้ว
และกำลังจะเดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย
แน่นอนว่า มนุษย์มนายังคงไม่ตื่น ตื่นก็อีตอนข้าพเจ้าโทรไปนั่นแหละ T_T
ตาลีตาเหลือกละล่ำละลักบอกว่า จะรีบอาบน้ำแต่งตัว
ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ว่าอะไร
( เพราะข้าพเจ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยว่าอะไรคนอื่น
คือว่าอะไรให้ใครไม่เป็นว่างั้นเถอะ 55555 )
แค่เพียงพูดด้วยเสียงราบเรียบธรรมดา ๆ ว่า
"อืม..."
เรียกแท็กซี่จากสนามบิน
แท็กซี่ไม่รู้จักสถานที่ที่ข้าพเจ้าต้องการจะไป
อยากถามมัน เอ๊ย! เขา จริง ๆ ว่า
เป็นคนเชียงใหม่จริงหรือเปล่า
ด้วยภาษาคำเมือง
คิงเป๋นคนเจียงใหม่แต้อี้ หรืออะไรทำนองนี้
แต่เขาดูเหมือนรู้ใจข้าพเจ้า
จึงบอกว่า บ้านผมอยู่แถวนั้น ไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่ที่ว่า
ข้าพเจ้าจึงกล่าว ( ด้วยน้ำเสียงธรรมดา ๆ ) ขับไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวบอกทางเอง
ความจริงเมืองเชียงใหม่นี่มันเล็กมาก
ตรอกซอกซอยต่าง ๆ ไม่น่าจะเป็นอะไรที่ลึกลับสำหรับคนที่อยู่มานาน
เว้นเสียแต่ว่า...
เดินทางทำธุระอะไรเรียบร้อย ( แต่กว่าจะเรียบร้อย
ก็นั่งดูหนังจนจบไปสองเรื่อง )
ก็ว่าจะไปเดินกาดสวนแก้ว ซึ่งความจริงก็คงไม่มีอะไรให้เดินดู
แต่คิดว่า จะไปซื้อของฝาก
ความจริงก็อยากไปถนนวัวลายมากกว่า
เพราะคิดว่า อยากได้เครื่องเงินสวย ๆ
แต่เอาจริง ๆ เขาก็พาไปกินข้าวเที่ยง
ข้าพเจ้าจึงยกเลิกโครงการทั้งกาดสวนแก้ว และถนนวัวลาย
ก็ไปกินข้าวร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
จากนั้นก็ไปวัดพระสิงห์ ตามคำชวน
แล้วก็ไปวัดเจดีย์หลวง
ตอนแรกข้าพเจ้าว่าจะไป คุ้มเสือในเวียง
แต่คนเชียงใหม่ที่พาข้าพเจ้าไปเลาะล่องนั้น
บอกว่า ไม่เคยเห็นได้ยิน ไม่รู้จัก
ข้าพเจ้าอยากถามประโยคเดิมที่นึกอยากถามแท็กซี่
และก็เอ่ยออกไป ( เล่น ๆ 555 )
เขาเลยเอาข้าพเจ้าไปทิ้งไว้ที่วัดเจดีย์หลวง
ให้ข้าพเจ้าหาทางไปเอง 5555
ไม่หรอก ความจริงข้าพเจ้าให้เขาปล่อยข้าพเจ้าไว้ที่นั่นเอง
เพราะข้าพเจ้าอ่านหนังสือหลวงปู่จาม
แล้วท่านบอกว่า
รุกขเทวดาที่ประจำอยู่ต้นยางวัดเจดีย์หลวงนั้น ชอบมาคุยกับท่านบ่อย ๆ
ข้าพเจ้าจึงอยากจะไปดูให้แน่ใจ
ว่าเป็นต้นยางที่ข้าพเจ้าเคยถ่ายรูปมาหรือเปล่า
แต่เอาเข้าจริงปรากฏ มีต้นยางใหญ่อยู่สองต้น
หน้าวัดกับหลังวัด
และข้าพเจ้าก็ลืมแล้วว่า ต้นยางที่ท่านเคยกล่าวถึง
เป็นต้นยางด้านหน้าหรือด้านหลัง
ใช้เวลาอยู่วัดเจดีย์หลวงนานเหมือนกัน
ชั่วโมงกว่า ๆ
เพราะเข้าไปนั่งสมาธิ ที่วิหารจตุรมุขฯ
ตรงนี้มีพระบรมสารีริกธาตุ
และพระธาตุของครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น
แทบจะทุกองค์ทุกรูป
ตอนแรกว่าจะนั่งแป๊บเดียว
เพราะกางเกงมันรัด
แต่นั่งไปนั่งมาก็นานนนน
เลือกตรงนี้เพราะคนไม่ค่อยเข้ามา
เงียบ ๆ สงบ ๆ ดี
นักท่องเที่ยวจีนเยอะมากจริง ๆ
จากนั้นก็เลยเดินไปท่าแพ หาซื้อของฝาก
เดินไปไกลเหมือนกัน
คือเดินไปเรื่อย ๆ
เชียงใหม่ในวันที่ไม่มีเทศกาล
หรือไม่มีถนนคนเดินนั้น
ดูเงียบ ๆ โดยเฉพาะช่วงกลางวัน
ไม่มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจหรือตื่นเต้น
เรียบเรื่อยยิ่งกว่าสายน้ำแม่ปิง
ได้ของฝากแล้วก็เรียกรถไปสนามบิน
ขี้เกียจพิมพ์ละ
ไปกินข้าวดีกว่า
เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ
26 01 2558