เมื่อคืนเข้านอนแต่หัวค่ำ
ไม่ได้นอนหัวค่ำมาหลายวัน
เพราะมีธุระต้องจัดการเยอะแยะไปหมด
พอเข้านอนเร็ว
ก็เลยนอนยาว
เพราะวันนี้ไม่ต้องตื่นไปทำงานทำการ
มีเวลาพักผ่อนเต็มที่
ฝัน
คือฝันหลายเรื่องหลายราวมาก
ลองนึกเรียงลำดับเหตุการณ์ดู
น่าจะฝันอย่างน้อยห้าเรื่อง
และแต่ละเรื่อง
ก็ตั้งชื่อไว้เรียบร้อยแล้ว
5555
แต่เนื่องจากมันเป็นฝันที่เกี่ยวเนื่องกับบุคคล
จึงงดออกอากาศ
เล่าเรื่องไปเชียงใหม่ดีกว่า
คือต้องไปเชียงใหม่อีกครั้ง
เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา
เพราะธุระยังไม่เรียบร้อย
ถ้าเรียบร้อยแล้ว
ก็คงได้ทำอะไรที่มันถาวรเสียที
คราวนี้ไปแต่เช้า
คือเครื่องออกประมาณหกโมงสามสิบห้า
ต้องเข้าเกทประมาณตีห้าห้าสิบห้า
ก็เช็คอินผ่านเน็ตตามสไตล์
อย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าชอบบินแอร์เอเชียก็คือ
มันสะดวก
มันให้เราทำเองทุกอย่าง 5555
ไม่ต้องมีชีวิตผ่านเคาน์เตอร์
ซึ่งข้าพเจ้าชอบมาก
ไปก็เข้านั่งรอเครื่องออกได้เลย
ก่อนเครื่องจะออกก็เวิ่นเว้อ
คิดถึงคนนั้นคนนี้นิดหน่อย
( ความจริงก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ )
จึงส่งไลน์ถามว่า เอาของฝากอะไรป่าว
คิดว่าอาจจะยังไม่ตื่น หรือตื่นแล้วแต่ยังนอนอยู่ก็ได้
5555
ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง
เที่ยวบินเช้า ๆ แอร์มักจะหน้าตาดี
มีอยู่คนหนึ่งหน้าตาคล้ายดาราญี่ปุ่นคนหนึ่ง
แต่เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนอินังขังขอบเกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้
จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
และอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ข้าพเจ้ามักจะทำตัวเป็นผู้ดู
คือแค่ดู
ไม่ใช่นักสังเกตการณ์
และไม่ใช่มนุษย์จำพวกชอบทักทายคนอื่น
มีโลกส่วนตัวสูง
ทำให้ชีวิตผ่านไปอย่างไม่มีไมตรีกับสิ่งมีชีวิตอื่นใดมากนัก
ลงเครื่องยังเช้าอยู่
คิดว่า บุคคลที่นัดหมายกันไว้คงยังไม่ตื่น
จึงไปนั่งที่ร้านสตาร์บัคส์ ในสนามบิน
เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าเป็นห่าอะไรไม่รู้
ถ้าไม่รู้จะไปไหน
ก็จะไปนั่งสตาร์บัคส์
แล้วก็แดกชาเขียวแก้วละเกือบสองร้อย
ซึ่งนั่นก็ ช่างมัน
เพราะในที่สุดข้าพเจ้าก็จะหาเรื่องเบิกคืนจากต้นสังกัดอยู่ดี
5555
ร้านสตาร์บัคส์มันติดกับร้านขายยา
ด้วยอะไรก็ตามแต่
เป็นช่วงเลาเปลี่ยนเวรของเภสัชกรที่ร้านพอดี
หรืออาจเป็นช่วงเปิดร้านก็ไม่ทราบ ( อิอิ )
เหลือบสายตามองดูคร่าว ๆ
ก็ไม่ถึงกับสวยมาก
แต่ก็ถือว่าสวย
กำลังมะงุมมะงาหราเปลี่ยนม้วนใบเสร็จที่เครื่องคิดเงินอยู่
ถ้าข้าพเจ้าไม่ใช่นักดู
ก็คงเดินเข้าไปแล้วบอกว่า
ให้ช่วยเปลี่ยนมั้ยครับ
5555
แต่เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นนักดู
จึงแค่ดูไปเรื่อย ๆ
สักพัก มีตาลุงคนหนึ่ง
เดินเข้าไปซื้อหนังสือพิมพ์
ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าตาลุงนี่คงไม่ได้อยากซื้อหนังสือพิมพ์หรอก
และความจริง
ถ้าข้าพเจ้าไม่เสียดายเงิน
ก็อาจจะทำเนียนไปซื้อหนังสือพิมพ์ซักฉบับหรือยาอมซักซองก็เป็นได้
เผื่อจะได้ดูหน้าใกล้ ๆ
5555
ซื้อหนังสือพิมพ์เสร็จ ตาลุงก็มานั่งที่ร้านสตาร์บัคส์
ข้าพเจ้ามองดูก็คงเป็นไปตามคาด แกคงสวิงสวายกับเภสัชกรหน้าตาดีอยู่พอสมควร
แต่โชคไม่เข้าข้าง
เพราะดันมากับเมีย ( ยังสาว )
5555
และเมียก็กำลังท้องอยู่ด้วย
ไม่นานนัก
เมียก็จูงมือตะแกฉับ ๆ ออกไปเสียอย่างนั้น
ทิ้งไว้แต่ร่องรอยของหนังสือพิมพ์
และกลิ่นไอของความรัก เอ๊ย! กาแฟในยามเช้า
หุหุ
( ซึ่งจะว่าไป เมียแกก็สวยใช้ได้นะ 5555 )
เนื่องจากข้าพเจ้าคิดว่า
ควรกินอาหารเช้าเสียหน่อย
แต่ไม่รู้จะกินอะไร
ก็เลยกินอย่างที่เห็น
แฮมชีส อร่อยดีเหมือนกัน
ถึงจะเค็มไปหน่อย
ชาเขียวเพิ่มวิปครีม
กินเป็นอยู่อย่างเดียว
เพราะข้าพเจ้าไม่กินกาแฟ
ความจริงก็ว่าจะกินชาเขียวแค่นั้นแหละ
แต่พนักงานก็ชอบถามว่า
เพิ่มวิปครีมมั้ยคะ
ซึ่งบางทีข้าพเจ้าก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก
ว่าเขาถามว่าอะไร
แต่ก็พยักหน้าหงึก ๆ ไปตามเรื่องตามราว
จะปฏิเสธเขาก็นึกเกรงใจ
เขาอุตส่าห์ถาม
ก็เลยตอบรับ
ความจริงสมัยก่อน
ข้าพเจ้าไปซื้อผลไม้แถวบ้าน
สมัยก่อนนี่คือ สมัยเรียน ม.ปลาย โน่นเลยนะ 5555
เขาก็ถามว่า เอาแค่นี้เหรอคะ
คือซื้ออย่างเดียวไง
พอเขาถาม
ข้าพเจ้าก็รู้สึกเกรงใจ
คือรู้สึกผิดว่า สงสัยตัวเองจะซื้อน้อยเกินไป
ก็เลยบอกว่า เอาอันนั้นอีกก็ได้ครับ
จึงมักได้ของเกินความต้องการมาทุกที
หลัง ๆ เริ่มหักห้ามความเกรงใจได้
พอเขาถามว่า
เอาแค่นี้เหรอคะ
ข้าพเจ้าก็จะพยักหน้า
และรีบเดินจากมา
แต่บางครั้งบางคราวก็ทำใจลำบากที่จะทำอย่างนั้น
ก็ตกหลุมพรางเทคนิคการขายของแม่ค้าพ่อค้าอีกเหมือนเดิม
มันจะดีหน่อย
ถ้าข้าพเจ้ามีคนไปซื้อของด้วย
เพราะจะมีคนคอยห้ามปราม
5555
พนักงานสตาร์บัคส์นี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ
นึกสงสัยเล่น ๆ ว่า
ที่สนามบินนี่เขาคัดคนที่หน้าตาเพื่อมาทำงานหรือเปล่า
5555
( ทำไมวันนี้ข้าพเจ้าหัวเราะบ่อยจุง 5555 )
สงสัยเมากัญชา
5555
งั้นพอก่อนละกัน
เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ
55555
Arty
26 01 2558