จบเรื่องเชียงใหม่ไปแล้ว
แต่เรื่องราวความรักยังไม่จบ
555
ความจริงถ้าจะพูดเรื่องเชียงใหม่
ก็พูดไปได้เรื่อย ๆ
เพราะ
ข้าพเจ้าไปทำความรู้จักมักคุ้นกับเขาตั้งสิบกว่าปีมาแล้วนั่น
แต่อย่างไรก็ตามแต่
พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็มีกำหนดการ
ต้องบินไปเชียงใหม่อีกแล้ว
ไม่ใช่หัวใจเรียกร้องร่ำหาหรืออื่นใดอย่างไรอย่างหนึ่ง
แต่ต้องไปทำธุระที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี
วันนี้เลิกงานแล้ว
ให้รถเขาไปส่งที่ตลาดรุ่งเจริญ
ไม่ได้เดินมาหลายเพลาแล้ว
ประมาณ ๖ โมงกว่า ๆ
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า
ดวงโตมาก ๆ
สวยงามมาก ๆ
รถจอดที่ตลาดรุ่งเจริญ
ข้าพเจ้าก็เดินชมตลาดเหมือนที่เคยทำมา
ซื้ออาหาร
และคิดว่า
เราควรซื้อผลไม้
ดูชมพู่เจ้าหนึ่ง
เห็นสวยดี
ก็เลยบอกว่า เอาหนึ่งกิโล
เขาก็จับยัด ๆ ใส่ถุงพลาสติกให้
หน้าตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ข้าพเจ้าสังเกตดูดี ๆ
ไอ้ที่สวย ๆ มันกองอยู่ด้านหน้า
ส่วนที่เขาจับใส่ถุงให้นั้น
มันแตกบ้าง ไม่สวยบ้าง
เรียกได้ว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ไม่มีส่วนดีเลย
เขาก็ยื่นให้
ข้าพเจ้าก็ควานหาเงินในกระเป๋า
เขาคงขี้เกียจถือถุงไว้
เลยวางแหมะไว้บนแผง
ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาส
เลยเอามือไปพลิก ๆ ดูในถุง
เขาก็รู้แหละ ว่าข้าพเจ้าคิดยังไง
จึงพูดออกมาว่า
มันแตกทุกลูกแหละค่ะ มันเป็นชมพู่แตก
ข้าพเจ้าจึงจับลูกหนึ่งที่วางอยู่ด้านหน้าขึ้นมาดู
แล้วก็วางกลับลงไป
ก็ไม่เห็นแตกนะ ข้าพเจ้าคิดในใจ
ชำเลืองมองหน้าเขานิดหน่อย
ว่าเขาจะพูดอะไรหรือเปล่า
เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเดินจากมา
เขาก็กระฟัดกระเฟียด
ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจ
วางใจเป็นอุเบกขา
แปลกใจเหมือนกัน
ที่ข้าพเจ้า
ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดอะไรเขา
คิดแต่ว่า
เงินของเรา ในเมื่อเราไม่พอใจ เราก็ไม่จ่าย
ข้าพเจ้าลองถามเงินดู
เงิน แกอยากไปจากฉันหรือเปล่า
อยากไปอยู่กับคนอย่างนั้นไหม
อยากให้คนที่เขาขายของเช่นนั้นได้ครอบครองแกหรือไม่
เงินตอบว่า ไม่
ในเมื่อคำตอบตอบชัดเจนอย่างนี้
ข้าพเจ้าก็ยิ่งแน่ใจว่า
ไม่ได้ทำอะไรผิด
ปกติเวลาซื้อผลไม้ ข้าพเจ้าก็จะเลือก
เจ้าไหนไม่ให้เลือก
ข้าพเจ้าก็ไม่ซื้อ
ความจริงเจ้านี้
ข้าพเจ้าก็ว่าจะเลือก
แต่เห็นเขารีบหยิบใส่ถุง โดยไม่ถามว่า จะเลือกไหมคะ
ข้าพเจ้าจึงไม่ได้ถามเขาว่า เลือกได้ไหม
เพราะดูจากอาการ ก็คงได้คำตอบ ( แบบเหวี่ยง ๆ ) ว่า
เลือกไม่ได้ค่ะ
ข้าพเจ้าจึงเฉยอยู่
และความจริงถ้าเขาไม่วางแหมะเอาไว้
ข้าพเจ้าก็อาจรับมาและจ่ายเงินไปแล้ว
เพราะข้าพเจ้าเป็นคนขี้เกรงใจ
ถึงเขาจะควานแต่ลูกที่มันไม่ดี ๆ มาให้
ข้าพเจ้าก็คงจะรับ
เขาคงคิดว่า
หน้าตาโง่ ๆ ซื่อ ๆ อย่างข้าพเจ้า ก็คงรับมาแล้วจ่ายเงิน
คงไม่คิดว่าคนหน้าตาอย่างนี้จะปฏิเสธอะไรที่มันไม่ดีได้
5555
แต่เสียใจด้วย
บางครั้ง การกระทำของข้าพเจ้า
ก็ขัดกับใบหน้าที่แลดูโง่เขลาในสายตาผู้อื่นอยู่เหมือนกัน
เงินเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
เขาก็มีหัวใจเหมือนกัน
ข้าพเจ้าเคยอ่านหนังสือ
เวลาที่เราจับจ่ายใช้สอย
ก็ต้องคิดถึงหัวอกเขาบ้าง
ว่าเขาอยากไปอยู่กับคนที่เราจ่ายเงินให้หรือเปล่า
หรือเขาอยากไปจากเราหรือเปล่า
ถ้าเขาจำเป็นต้องไป
เราก็ควรพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน ( พูดในใจนะ
อย่าไปเผลอพูดนอกใจ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าบ้า 555 )
ว่า โชคดีนะ ขอบคุณมาก แล้วรีบกลับมาเร็ว ๆ นะ
อะไรทำนองนี้
เมื่อเราได้รับเงิน
เราก็ควรพูดว่า
กลับมาแล้วเหรอ ดีใจจังที่ได้เจอกันอีก
อะไรทำนองนี้อีกเหมือนกัน
ว่ากันว่า
เงินก็เหมือนคน
ชอบคนที่ปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยน
เห็นคุณค่าของเขา
และดูแลเขาเป็นอย่างดี
^_^
ความจริงที่สุด
ปกติ ถ้าไม่ใช่อยู่ที่บ้าน
ข้าพเจ้าชอบซื้อผลไม้ในห้าง
วันหน้าวันหลัง
ข้าพเจ้าไปซื้อผลไม้ในห้างเหมือนเดิมดีกว่า
เลือกเอาขนาดไหนก็ได้
ส่วนอันไหนที่เดินในตลาดแล้วเลิือกได้
ก็ค่อยซื้อก็แล้วกัน
5555
Arty K
20 01 2558