ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ : ความว่างเปล่าเหลือจะทนของชีวิต ( 2 )


วันนี้มาเร็ว

555

ซึ่งต้องออกตัวอีกเช่นเดิมว่า

เรื่องราวต่อไปนี้  ชัปปุยส์  เอ้ย!  สปอยล์!!!  นะครัช 

( อิอิ  แหม  เล่นมุกทันสมัย )

ว่าด้วยเรื่องราวของ  ทสึคุรุ  กันต่อ

ในความเป็นวรรณกรรมญี่ปุ่นนั้น

ดูเหมือนว่า  จะหนีไม่พ้นความเป็น  "โรคจิต"

คือ  ไม่ตัวละครตัวใดก็ตัวหนึ่ง

ที่จะต้องมีอาการแปลกประหลาด

หรือมีสิ่งประหลาด ๆ  ยึดเหนี่ยวจิตใจ

อย่างเช่น  ตัวละครเอกฝ่ายชาย  ในเรื่อง  ทะเลสาบ

ของ  บานานา  ก็มีเครื่องปิ้งโมจิ  เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

ประมาณว่า  พี่แกต้องกอดเครื่องบ้า ๆ  นี่แนบอกนอน

ยิ่งมีเรื่องชอกช้ำระกำใจจะยิ่งกอดแน่นเข้าไปอีก

อะไรประมาณนี้

ไม่ใช่แต่วรรณกรรมผู้ใหญ่เท่านั้น

ถ้าเราสังเกตดี ๆ  

แม้กระทั่งวรรณกรรมเยาวชน

ก็หนีไม่พ้นอะไรทำนองนี้

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า

เด็กหญิงน่ารัก ๆ  อย่าง  โต๊ะโตะจัง  นั้น

ไม่ใช่เด็กผู้หญิงปกติ  อย่างที่ลูกชาวบ้านร้านตลาดเขาเป็นกัน

แม้จะไม่ถือว่าเป็นอะไรมาก

แต่ก็ต้องยอมรับว่า

โต๊ะโตะจังผู้น่ารัก

ไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่ในกราฟช่วง normal  แน่นอน

เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็น  "วัฒนธรรมร่วม"  ของวรรณกรรมญี่ปุ่น

เหมือนกับวัฒนธรรมร่วมของละครน้ำเน่าไทย

ที่ต้องมีการแย่งผัวแย่งเมียกันนั่นเอง

คือ  ทุกเรื่อง  มันจะต้องมีอะไรอย่างว่า

นิด ๆ น้อย ๆ หน่อย ๆ  หรือจัดเต็ม  ก็ว่ากันไป

เรียกง่าย ๆ  คือ

ขอให้มันได้มี


ความเป็น  ทสึคุรุ  นั้น

จะว่าปกติ  ก็ไม่ปกตินัก

ออกจะเป็นคน  ประหลาดด้วยซ้ำ

ข้าพเจ้าคงไม่วินิจฉัยว่า

เป็นความลักลั่น  หรือ  ผิดพลาด  ของมูราคามิ

ที่ดันเอาบุคลิกซ้ำซากของตัวละคร

( เดิม ๆ  ที่ถูกสร้างไว้ตั้งแต่สมัยอดีต )

มาใส่เข้าไปในกาลเวลาร่วมสมัย

ซึ่งมันทำให้แลดูไม่เข้ารูปเข้ารอย

หรือไม่สมจริงอย่างยิ่ง

แม้ว่าในความเป็นจริง  

ตัวละครของเขาจะชอบทำอะไรที่ไม่สมจริงอยู่แล้ว

หากในเรื่องนี้

ความไม่สมจริง  อาจเป็นความผิดพลาดของมูราคามิมากกว่า

เช่น

ในกรณีที่  ทสึคุรุ  ไม่ใช้  "เทคโนโลยี"

ในการตามหาเพื่อน ๆ  ที่ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเมื่อสิบหกปีที่แล้ว

เป็นเรื่องที่เรายากจะเชื่อ

แม้จะมีข้อแก้ต่างว่า

"ใช้เฉพาะเรื่องงาน"

ก็ตามที


"…แรกสุด  ฉันจะลองสืบค้นดูคร่าว ๆ  ว่า  ตอนนี้พวกเขาทำอะไร  อยู่ที่ไหน"
"ทำยังไง"
สาละส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย  "คุณจบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีใช่ไหมล่ะ  ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตหรือ?  พวกกูเกิ้ลหรือเฟซบุ๊กน่ะ  ไม่เคยได้ยินหรือไง?"
"เรื่องงานละก็  แน่นอน  ใช้อยู่บ่อย ๆ  ทั้งกูเกิลทั้งเฟซบุ๊ก  รู้จักอยู่แล้วละ  แต่เรื่องส่วนตัวแทบไม่ใช้เลย  ผมไม่ค่อยสนใจเครื่องมือพวกนั้น"
"นะ  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ  เรื่องอย่างนี้ฉันเก่งทีเดียว"  สาละพูด


ข้อนี้  ถ้าเราเป็นมนุษย์ยุคปัจจุบัน  เราจะพบว่า

ทสึคุรุนั้น  ไม่รู้จัก  เฟซบุ๊ก  เอาเสียเลย  

แม้เขาจะอ้างว่า  "ใช้เรื่องงาน"  ก็ตาม

และ  มูราคามิ  คงจะห่างหายจากญี่ปุ่นยาวนาน  จนลืมไปว่า

ที่ญี่ปุ่นเขาฮิตใช้  ไลน์  กัน

( แต่ในเรื่องไม่มี  "ไลน์"  ปรากฏอยู่เลย

ทั้งที่เหตุการณ์ในเรื่อง

มันคือ  ญี่ปุ่น  ในปัจจุบัน

แต่อ่านไปอย่างไร ๆ  

ก็ดูเหมือนกับว่า

มันคือญี่ปุ่นในอดีต

อาจจะซักเมื่อสมัยสิบหรือสิบห้าปีที่แล้วมากกว่า )

การบอกว่า  "ผมไม่ค่อยสนใจเครื่องมือพวกนั้น"  

เป็นสิ่งที่อาจจะใช้อ้างได้

แต่ในโลกของความเป็นจริงของศตวรรษที่  ๒๑  

ในยุคโซเซียลเชี่ยวกรากและรุนแรง

เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า

คำพูดที่ว่ามา  เป็นคำพูดของคนที่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้มากเพียงพอ

ถ้าพูดให้ชัด ๆ  ขึ้นกว่านี้ก็คือ

ตัวละครของ  มูราคามิ  นั้น  หลงยุค  อย่างมากมายเลยทีเดียว

( รวมทั้ง  มูราคามิ  เอง  ก็แก่แล้วด้วย )

แต่อย่างไรก็ตาม

หากเราจะเชื่อตามที่ตัวละครพูด  

ว่า  "ผมไม่ค่อยสนใจเครื่องมือพวกนั้น"

ก็เป็นไปได้

ความจริงเขาควรพูดว่า  "ผมไม่เล่นเฟซ"  น่าจะลงตัวกว่า

เพราะคิดว่า  มีคนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน

ที่ไม่ใช้เฟซบุ๊ก  หรือโซเซียลมีเดียอื่น ๆ  

การติดต่อสื่อสารระหว่าง  ทสึคุรุ  และ  สาละ  นั้น

เป็นไปแบบโบราณอย่างยิ่งทีเดียวสำหรับคนที่รู้จักกัน

คือ  ใช้อีเมล  ( และโทรศัพท์ )

ในยุคปัจจุบัน  

อีเมล  น่าจะเป็นทางเลือก

สำหรับการติดต่อที่ค่อนข้างเป็นทางการมากกว่า

แต่ก็อย่างว่า  มนุษย์โบราณอย่าง  ทสึคุรุ  

ที่ยังฟังเพลงจาก  เครื่องเล่นแผ่นเสียง  อยู่

ก็คงยากที่ใช้ติดต่อกับคนอื่นโดย  ไลน์  หรือ  อื่น ๆ  


หากเราไม่ถือว่า  นี่คือ  ความผิดพลาด  ของ  มูราคามิ

เราก็ต้องถือว่า  เป็นความผิดปกติของตัวละคร

หรือเป็นการโกหก  ของ  ทสึคุรุ  ที่บอกว่า  ตัวเองใช้เทคโนโลยี

แต่ความจริง  เขาแทบจะไม่รู้จักมันเลย

ซึ่งโดยส่วนตัว  ข้าพเจ้าชอบแบบหลังมากกว่า

ข้าพเจ้าไม่ค่อยชอบนัก

เวลานักวิจารณ์พูดทำนองว่า

นี่เป็นความผิดพลาดหรืออ่อนด้อยของนักเขียน

เพราะเรื่องบางเรื่อง

มันก็เป็นความผิด  หรือเป็นความรู้สึกนึกคิดของตัวละครต่างหาก

ไม่ใช่เรื่องของนักเขียน

( นักเขียนอาจจะจงใจให้ตัวละครพูดข้อมูลผิด ๆ  

เพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละครก็ได้ )  

หรือแม้มันจะเป็นความผิดพลาดของนักเขียนจริง ๆ  

เราก็ควรจะยกไว้

และพูดว่า

นั่นเป็นเรื่องของ  ตัวละคร  จะดีกว่า

เช่น  บางครั้งที่คนเขียนเขียนผิดพลาดในแง่ข้อเท็จจริง

เราก็สามารถบอกได้ว่า

น่าจะเป็นตัวละครมากกว่า  ที่รู้เรื่องอย่างนั้นมาผิด ๆ  

หรือพูดผิด  หรือโง่ในเรื่องที่ว่า

หรือถ้าจะให้ดี

ก็บอกว่า

มันเป็นความจริง-ความลวงในวรรณกรรมไปเสียเลย

5555


อาจจะมีคนอยากฟัง

"เลอ  มาล  ดู  เปอี"

ว่ามันโรคจิตขนาดไหน

( "เลอ มาล ดู เปอี  แปลว่า  คิดถึงบ้าน 


หรือ  จิตใจที่หม่นมัว - ตามคำบอกเล่าของไฮดะ 



"เลอ มาล ดู เปอี ของฟรานซ์ ลิซต์

อยู่ในเพลงชุด 'ปีแสวงบุญปีแรก' : สวิตเซอร์แลนด์ ครับ"

"เลอ มาล ดู เปอี หรือ?"

"Le Mal du Pays ภาษาฝรั่งเศสครับ 

โดยทั่วไปใช้ในความหมายว่า 

คิดถึงบ้าน หรือไม่ก็จิตใจหม่นหมอง ..." -- หน้า 56 )

ที่เอามาให้ฟังนี้

ก็น่าจะตรงกับในเรื่องทุกประการ

โปรดสดับ


เรื่อง  ชายไร้สีฯ  ยังมีประเด็นอีกมาก

( ที่ข้าพเจ้าอยากจะพูด )

แต่อย่างไรก็ตาม

ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ขี้เกียจอีกแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป

หุหุ

โย่ว


Arty K
21  12  2557