ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ : ความว่างเปล่าเหลือจะทนของชีวิต ( 1 )

ต้องออกตัวก่อนว่า  ที่จะเขียนต่อไปนี้  สแปม  ( เอ้ย! สปอยล์!!!! )  นะครัช

เรื่องมันมีอยู่ว่า

ทสึคุรุ  ทะซากิ  พระเอกของเรา  เป็นชายหนุ่มอายุสามสิบหกปี  ( ถ้าจำไม่ผิด )

และมีอดีตอันข่มขืน ( ขมขื่น!!! )  เกี่ยวกับความหลังเมื่อครั้งยังเยาว์

คือเมื่อสิบหกปีที่แล้ว

สิบหกปีแห่งความหลังได้ทำร้ายทสึคุรุ  อยู่ร่ำเรื่อย

จนส่งผลให้เขาไม่อาจมีชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติได้

และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยน

ก็คือ  อยู่ ๆ  ตอนจะเอากับแฟน  ก็เกิดอาการอ่อนปวกเปียกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

สาละ  ( ชื่อแฟน )  ก็เลยวินิจฉัยว่า  เป็นเพราะอดีตอันขมขื่นของเขานั่นเอง

ที่ทำให้เขาเกิดอาการดังกล่าว

ซึ่งเรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้  ต้องแก้ไข

หาก  มูราคามิ  เอ้ย!  ทสึคุรุ  จะยังอยากคบหากับเธออีกต่อไป

และแล้ว...

ภารกิจเพื่อทำให้อวัยะกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติดังเดิมก็เริ่มขึ้น

อันนี้น่าจะเป็นพล็อตคร่าว ๆ  ที่ข้าพเจ้ามโนขึ้นมาเอง

แต่เรื่องจริง ๆ  มันก็เป็นอย่างนี้แหละ

ถ้า  ทสึคุรุ  ไม่เกิดอาการอ่อนเปลี้ย  ก็คงไม่มีอะไรให้ดำเนินต่อ

เขาก็คงจมจ่อมอยู่กับอดีตต่อไป

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น  เป็นเพราะเขาเกิด  "รัก"  สาละ  ขึ้นมา

ซึ่งถ้าไม่ใช่ความรักที่มีต่อ  สาละ  

และเขาอยากจะกระทำกิจนั้นได้อย่างเป็นปกติสุข

เขาก็คงไม่ต้องกลับไป  "รื้อฟื้น"  อดีตอันขมขื่นนั่นอีก





ว่าด้วยบุคลิกของ  ทสึคุรุ  

ก็คล้ายคลึงกับ  โทรุ  วาตานาเบะ  หรือตัวละครเอก ( ชาย ) อื่น ๆ  

ของ  มูราคามิ

คือ  เป็นคนไม่อินังขังขอบ  ไม่ชอบสืบค้น  ชอบปล่อยผ่าน  

เรื่อย ๆ  เปื่อย ๆ  

ดูเหมือนไม่จริงจัง  แต่ชอบจริงจังกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

หรือได้รับภารกิจให้ทำในเรื่องที่คนทั่วไปเห็นว่า

สิ่งที่(มึง)ต้องทำน่ะ  มันสำคัญตรงไหน (วะ)

(  เช่น  ตามหาแกะบ้า ๆ  บอ ๆ  ในเรื่อง  แกะรอย  แกะดาว  เป็นต้น )

จะว่าไป  ตัวละคร  แนวเรื่อง  โดยมากของ  มูราคามิ  ก็ออกมาแนวนี้

คือ  เป็นอะไรที่  โพสต์โมเดิร์น  

มีความขัดแย้งระหว่างตัวละคร  กับ  reality

ตัวละครเป็นคนแอบเสิร์ดนิด ๆ  

ซึ่งถ้าจะวินิจฉัยตามกรอบคติแบบโมเดิร์น  ก็ต้องบอกว่า

ตัวละครของเขาค่อนข้างจะ  "ไร้สาระ"  และ  "บ้าบอ"  มากทีเดียว

เป็นคนไม่เอาอ่าว  ไม่เอาไหน  มีพ่อแม่รวย   ( หรือได้แฟนรวย )

ไม่จำเป็นต้องทำงานทำการอะไรมากนัก

แต่ถ้าอยากบ้าทำอะไรขึ้นมาสักสิ่ง  ก็จะตั้งใจทำให้ได้

อย่างเช่น  ทสึคุรุ  เมื่อได้รับคำปรามาสจากอาจารย์ที่ปรึกษา

( ของโรงเรียนมัธยม ) ว่า

น้ำหน้าอย่างเธอไม่มีวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับนั้นได้หรอก

มันก็เกิดบ้าขึ้นมา  และตั้งใจอ่านหนังสือ  

จนสอบเข้าคณะที่อยากเรียนจนได้


ว่าด้วยตัวละครเอกฝ่ายหญิง  ก็ยังคงเป็นแบบมูราคามิ ๆ  นั่นคือ

จะมีตัวละครที่ปกติที่หลงรักพระเอกสักคนหนึ่ง  

และมีตัวละครโรคจิตอีกสักตัวให้พระเอกหลงรัก

โดยแนวการสร้างตัวละครแล้ว  ข้าพเจ้าคิดว่า  เรื่องนี้

"ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ"  มีความใกล้เคียงกับ  

"นอร์วีเจียนวู้ด"  อยู่มาก

ถ้าเราจะเทียบ  ยุซุกิ (ขาว)  กับ  นาโอโกะ  

และเทียบ  เอริ (ดำ)  กับ  มิโดริ  

( ซึ่งแน่นอนว่า  เอริ  กับ  มิโดริ  นั้น  อาจจะไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่

แค่คล้ายคลึงเท่านั้น  แต่ที่แน่ ๆ  ทั้งสองนาง  ชอบพระเอก  )

และเรื่องนี้ก็มีเค้าโครงเหมือนกับ  นอร์วีเจียนวู้ด  อีกอย่างหนึ่ง

คือ  เพลง

ทุกครั้งที่  ทสึคุรุ  ฟังเพลง  "เลอ  มาล  ดู  เปอี"  

ก็จะนึกถึง  ยุซุกิ  เสมอ

เพราะยุซุกิ  ชอบเล่นเพลงนี้

ถ้าใครเคยฟัง  "เลอ  มาล  ดู  เปอี"  ก็จะรู้สึกได้เลยว่า

เป็นเพลงที่ให้ท่วงทำนองแบบจิต ๆ  สไตล์ญี่ปุ่นมาก ๆ  

แม้ว่าเพลงนี้จะไม่ใช่ของญี่ปุ่นก็ตาม

มันเข้ากันได้ดีกับบุคลิกของยุซุกิ

และเข้ากันดีกับความเหงาเศร้า  หลอนหลอก  อ้างว้าง

น่าเบื่อหน่าย  และครึ่งเป็นครึ่งตาย  ของบรรยากาศในหนังสือเล่มนี้


และ...

ที่เล่ามาทั้งหมดนี่  ยังไม่เข้าเรื่องเลย  

555

และแน่นอน  ข้าพเจ้าเริ่มขี้เกียจแล้ว

( ความจริงคือ  ตอนนี้ง่วงนอนมากกกก )

และสิ่งที่คาดว่าจะเกิด

ก็คงจะต้องเกิด

คือ

ติดตามกันตอนต่อไปเถอะครับ


5555


Arty K
20  12  2557