ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ก่อนดวงตะวันจะลาลับ


เริ่มต้นเดือนสิงหาคมด้วยสายฝน

เมื่อเย็นนี้ฝนตกหนัก

ถึงหนักมาก

ฝนตกหนัก ๆ  อย่างนี้ทีไร

เป็นต้องคิดถึงการเดินฝ่าสายฝน

กับสาวน้อยคนหนึ่ง

ในค่ำคืนหนึ่ง

นึกถึงหมวกใบนั้นที่เคยสวมให้

นึกถึงเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ

ที่เคยถอดคลุมไหล่ให้

เพราะกลัวเธอเปียกฝน

อิืมมม...  ใช่...

ร่มนั้นกางฝั่งเธอทั้งหมด

เราเปียกฝนได้

แต่ไม่อยากจะยอมให้เธอโดนฝน

แม้เพียงนิดน้อย


นึกถึงตอนเป็นเด็ก

เป็นคนกระหม่อมบาง

โดนฝนนิดหน่อย

แค่กระไอฝน

ก็เป็นหวัด

โตขึ้นมาค่อยยังชั่ว

พอเปียกฝนได้บ้าง

ร่างกายไม่งอแงจนเกินไป


นี่มันกี่ปีแล้วก็ไม่รู้

ที่ต้องเผชิญกับสายฝน

เพียงลำพัง

ในสมุดบันทึกเล่มที่ ๓๗ ...

ความจริงจำไม่ได้หรอกว่า

บันทึกเล่มที่เท่าไหร่

หากไม่เปิดดู

เล่มนี้ดูเหมือนว่า

จะเป็นบันทึกของสาวน้อยไปเสียแล้ว

เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวของเธอ

คำพูดของเธอ

"หมวกปลิว~"  เธออุทานว่าอย่างนั้น

ขณะหมวกโดนลมพัดหล่นจากหัว

ตอนกำลังรีบวิ่ง

ไปขึ้นรถคุณพ่อที่จอดรอรับ

หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

สีหน้าท่าทางของเธอ

ทุกอย่างถูกจดบันทึกเอาไว้

และมันยังเป็นเหตุการณ์

ที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

เหมือนไม่ใช่อดีตที่ผ่านมาเลย


"หมวกปลิว~"

เป็นคำพูดที่สวยงามมาก

ราวกับว่า  มันหลุดออกมาจากปากของตัวละคร

ในนิยายสักเล่ม

และแม้ห้วงขณะแห่งความตกใจของเธอนั้น

คำควบกล้ำก็ยังชัดเจน

ข้าพเจ้าสัมผัสถึงความงามของคำพูด

ตื่นตะลึงกับอักษรควบอยู่ชั่วครู่

ก่อนที่จะหันหลังไปเก็บหมวก

ไม่ใช่ความบังเอิญแน่ ๆ

ที่คนเราจะสามารถพูดควบกล้ำได้

ในเวลาที่กำลังตกใจอยู่

ไม่ใช่คนดาษดื่นแน่ ๆ

ต้องเป็นคนอีกประเภทหนึ่ง

ที่ฝึกมาแล้วอย่างดีในเรื่องการออกเสียง

หากเป็นคำพูดของข้าพเจ้า

คงไม่พูดว่า  "หมวกปลิว~"

คงพูดว่า  "หมวกหลุด"  หรือ  "หมวกหล่น"  มากกว่า

ซึ่งไม่สวยงามเลย

คำว่า  "ปลิว"  สวยกว่าเป็นไหน ๆ  ทั้งในแง่ของสัทศาสตร์

และกิริยาอาการของความเคลื่อนไหว

ทั้งความเคลื่อนไหวของสายลมเล็ก ๆ  นั้น

ความเคลื่อนไหวของหมวก

ความเคลื่อนไหวของเธอ

ความเคลื่อนไหวของสายฝนที่ซาเม็ด

ที่ยังปรอย ๆ  อยู่นิด ๆ

และภาพพจน์ความทรงจำของข้าพเจ้า


หลังจากสมุดบันทึกเล่มนี้

ข้าพเจ้าก็ไม่ได้จดบันทึกเป็นเรื่องเป็นราวอีก

ผ่านมาถึง  ๕  ปี  ถ้านับถึงปี  ๒๕๕๗

๕  ปี  กับการบันทึกเล็ก ๆ  น้อย ๆ

ไม่ปะติดปะต่อ

คล้ายเป็นความทรงจำที่เลือนหายไป

ไม่มีความละเมียดละไม

เว้นแต่บางเรื่อง

เช่น  เรื่องไปวัดเท่านั้น

ที่บันทึกเอาไว้ละเอียด

แม้กระนั้น

ก็ยังแหว่งวิ่น

ขาด ๆ  หาย ๆ  โดยเฉพาะตอนท้าย ๆ

ย้อนกลับไปเพื่อเขียนก็ไม่ได้

ความทรงจำบางอย่าง

ก็เหมือนจะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง

เป็นนิยายชีวิตที่ขาดรายละเอียดไป

และค่อนข้างแน่ใจว่า

ไม่มีการเรียงลำดับสมุดบันทึกอีกแล้ว

เล่มที่  ๓๗  อาจเป็นเล่มสุดท้าย

ที่เขียนลำดับไว้

ปกติเมื่อขึ้นบันทึกเล่มใหม่

ก็มักจะเขียนลำดับไว้เสมอ

นับจากเล่มที่  ๑   ๒   ๓   ๔  ....

มาเรื่อย ๆ

ค่อนข้างเป็นระเบียบพอสมควร

นั่นแหละ

ห้าปีแห่งความมืดดำ

มันไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเลย

ไม่มีความชัดเจนเอาเสียเลย

อาจเป็นเพราะการระเหเร่ร่อนก็ได้

การที่ไม่จดลำดับสมุดบันทึดไว้

เป็นความไม่สบายใจอย่างหนึ่ง

คือ

กลัวว่า

สมุดบางเล่มมันจะหายไป


จะกลับบ้านวันที่  ๑๑-๑๔  สิงหาคม  ๒๕๕๗

กลับวันแม่

จองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว

โชคดีที่วันที่ต้องการเดินทาง

เป็นราคาลดเสียด้วย

ทั้งที่ไม่ได้จองล่วงหน้า

ไม่ค่อยได้นั่งเครื่องบินกลับบ้านบ่อยนัก

ครั้งล่าสุดน่าจะเป็นปี ๒๕๕๕  ตอนปีใหม่

ไม่แน่ใจ

หลัง ๆ  มาก็ขับรถกลับ

เพราะมีข้าวของเยอะ

จริงก็ขับรถกลับบ้านเป็นประจำ

ขับไปไหนต่อไหน

รถคันเก่า  รถคันใหม่

รถคันไหนขับไกล ๆ  ก็ไม่ค่อยงอแง

เป็นรถที่ดีพอสมควร


หากจะมีอะไร

ที่ต้องทำ

ก็คือ

จะรวบรวมบันทึก  จดหมาย  สิ่งของแห่งความทรงจำต่าง ๆ

ให้เรียบร้อย

ทำไปเกือบครึ่งเมื่อหลายปีผ่านมาแล้ว

เหลืออยู่อีกมาก

ต้องจัดระเบียบให้เสร็จ

แยกเป็นหมวด ๆ  ไว้

ก่อนที่ชีวิตนี้

จะลาลับหาย

และตายจากไป


ธัชชัย  ธัญญาวัลย
๑  สิงหาคม  ๒๕๕๗