จะว่าเด็กยุคใหม่ไม่สนใจการเมือง คงไม่ถูกต้องนัก
พูดว่า ทำไมเด็กยุคใหม่สนใจการเมืองน้อย น่าจะถูกต้องกว่า
ที่พูดมาก็ไม่ได้มีข้อมูลมาอ้างอิง
มีแต่ฟังตามเขามาก็เท่านั้นเอง
ฟังแล้วก็วิเคราะห์วิจารณ์ตามประสา
มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า
ที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ก็เนื่องมาจากว่า
อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับ
๑๔ ตุลา
ผลพวงของการไม่สนใจการเมือง
หรือสนใจการเมืองน้อย
แล้วเรื่องที่วัยรุ่นสนใจการเมืองน้อยน่าจะมาจากอะไรได้บ้าง
เท่าที่คิดเล่น ๆ
๑. ไม่เกิดประโยชน์อันใดหลังเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ( ว่ากันในระยะยาว )
การเมืองก็ยังน้ำเน่า เป็นการแสวงหาผลประโยขน์เหมือนเดิม
แต่แทนที่จะเป็นการตีกันระหว่างทหารกับประชาชน ในอดีต
ก็เป็นการตีกันของกลุ่มทุน
ผู้ได้ผลประโยชน์กับผู้เสียประโยชน์
ไม่เห็นประชาชนจะได้อะไรขึ้นมา
๒. การเมืองน่าเบื่อ ซ้ำซาก เน่า
ในยุคปัจจุบัน สิ่งที่อะไร ๆ เย้ายวนใจกว่าตั้งเยอะ
มีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ
และ สนุกกว่า สดใสกว่า น่าค้นหากว่า
วัยรุ่นก็คงไม่ไปจมอยู่กับสิ่งที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก และ เน่า แน่นอน
๓. การเมืองเข้าใจยาก
อะไรก็ไม่รู้ซับซ้อน
คนสมัยใหม่ต้องการอะไรที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
และรวดเร็วทันใจ จึงหลีกเลี่ยงสิ่งที่ เข้าใจยาก
เพราะยังไง ๆ ถึงการเมืองจะเป็นอย่างไรก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับชีวิตนักหนา
ใครมาเป็นรัฐบาลก็อีหรอบเดิม "บ้าอำนาจ"
แล้วอย่างนี้ใครมันจะอยากไปสนใจการเมือง นอกจากพวก "อยากได้อำนาจ"
๔. คนเดี๋ยวนี้ฉลาดและมีเหตุผล
เห็น ๆ กันอยู่แล้วว่าการเมืองทุเรศทุรังขนาดไหน
ใครเขาจะอยากเอาชีวิตไปใกล้ อย่ามาอ้างเรื่องรักชาติเลย
รักชาติหน้าจะดีกว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมา ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา ไม่เห็นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
พิจารณาใคร่ครวญแล้ว นอนดูทีวีอยู่บ้าน สบายใจกว่าเยอะ
คนเรารู้อยู่แล้วว่าขี้แล้วจะเอาตีนไปแหย่ขี้ให้มันเหม็นทำไม อ่านะ
๕. ทำอย่างอื่นดีกว่า ทำงานหาเงินให้รวยดีกว่า
ไม่นานเดี๋ยวพวกนักการเมืองก็มากราบกรานถึงบ้าน
แล้วเมื่อนั้นแหละ ค่อยสนใจการเมือง
555
ความจริงน่าจะมีมากกว่านี้
แต่อันนี้
ฝอยเล่น ๆ เอาสนุก ในเวลาจำกัด
ส่วนใครจะคิดจริงจังแค่ไหนก็แล้วแต่
ถ้าไม่เป็นบ้าซะก่อนก็คิดกันไปโลด
เอวัง
กูภู่ทิว
16/10/2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น