สวัสดีตอนเช้ามืดของวันศุกร์ที่สดใสครับ
วันนี้เพิ่งมีโอกาสได้ฟื้นคืนชีพ
หลังจากต้องทำงานหนักอยู่หลายวัน
ไอ้การงานนี่เวลามันจะเข้ามาก็เข้ามามาก
เวลาไม่มีก็ไม่มี
แต่เดี๋ยวนี้มีเยอะ
แทบจะไม่ได้พักผ่อน
นอกจากงานประจำที่ทำอยู่
ก็มีงานนอกเข้ามาเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ
ยิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราก็อาจจะต้องเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
การทำงานหนัก แปลว่า เรามีคุณค่า
ใช่หรือไม่
ถ้าเราไม่มีคุณค่า เราก็คงไม่มีงานทำ
ไม่มีใครเอางานมาให้เราทำ
ไม่มีอะไรจะต้องทำ
การทำงานจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวของตัวเอง
ความจริงงานมี 2 ประเภท
คืองานทางโลก
กับงานทางธรรม
งานทางโลกนั้น ไม่มีวันสิ้นสุด
แต่งานทางธรรมนั้นมีวันสิ้นสุด
แต่ไม่ใช่ว่า สิ้นสุดแล้วจะไม่ต้องทำงาน
การปฏิบัติธรรมแม้เมื่อสิ้นสุด
ก็ยังต้องทำงานต่อไป
คืองานที่เกื้อกูลต่อชาวโลก
ทั้งต่อชาวที่ไม่โลกด้วย
ชาวไม่โลกก็นับเนื่องกันไปแต่ชั้นไหน ๆ ก็ว่ากันไป
ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวจะหาว่าเพ้อเจ้อ
พระพุทธเจ้าของเรานั้น
ทรงงานหนัก
เวลาพักผ่อนน้อยมาก
หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
แทบไม่มีเวลาพักผ่อนกันเลยทีเดียว
ถ้าเคยอ่านกิจวัตรประจำวันของพระองค์
ก็จะพอทราบว่า
พระองค์ทรงพักผ่อนเวลาไหน?
ช่วงที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไปนี้
ยังเป็นช่วงที่ผมยังจะต้องไปสอนพิเศษ
ซึ่งเป็นงานที่ยังไม่สิ้นสุด
จะสิ้นสุดก็โน่นแหละ
ปลายเดือนตุลาคม
ส่วนงานเกี่ยวกับการอ่านบทกวีและสนทนาวรรณกรรม
ก็ใกล้สิ้นสุดลงในวันนี้แล้ว
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีมาอีกวันไหน
อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ส่วนงานประจำก็คืองานประจำ
ตอนนี้มีงานประจำสองอย่าง
คือต้องวิจารณ์งานที่ส่งเข้าประกวดเรื่องสั้นในเว็บยังไทย
เสร็จงานนี้เมื่อไหร่เป็นต้องได้ฉลองกันยกใหญ่
และคงจะโล่งเป็นหนักหนา
ส่วนอีกงานนี่ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ก็คืองานทำฟัน
ช่วยไม่ได้
เลือกมาเป็นหมอฟัน
ก็จำต้องทำฟัน
ช่วงนี้หาเวลาว่างจะเขียนหนังสือไม่ค่อยได้
ทั้งที่ก็มีพล็อตเรื่องยาวเหยียดเตรียมให้บรรเลง
เอาเป็นว่า
งานอื่น ๆ เสร็จลงไปมั่งแล้วนั่นแหละ
อืม
คิดว่าตอนเช้าจะสบายใจเสียหน่อย
กลับเป็นว่าบ่นเรื่องงาน
555
เอาเถอะครับพี่น้อง
เมื่อมีชีวิตอยู่ก็ต้องทำงานกันต่อไป
ขอให้โลกสงบสุข
ธัชชัย ธัญญาวัลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น