จะว่าไปข้าพเจ้านี่ก็เป็นคนตลกเหมือนกันนะ
555
แล้วเวลาตลกเนี่ย ข้าพเจ้ามักจะหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร
เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่า ตลกแดก
555
เสี่ยวแต่เช้า
จริงก็ไม่เช้าแล้วนะ บ่ายแล้ว
วันนี้ว่าจะไปศรีราชาซะหน่อย
เลยมาอัพเดทไว้ก่อน
โอเค....
หยุดเรื่องเวิ่นเว้อไว้แต่เท่านี้ ข้าพเจ้าคิดว่าอย่างนั้น
เพราะเดี๋ยวจะไปไกล
เล่าเรื่องเชียงใหม่ไม่จบสักที
ประเด็นมันไม่ใช่อะไร
พอเรานั่งอยู่ร้านสตาร์บัคส์เนี่ย
มันก็ต้องดูคนนั้นคนนี้
ข้าพเจ้าไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะดูเภสัชกรร้านข้าง ๆ
เพราะไม่รู้จะดูไปทำไม
ก็เลยนั่งเล่นเฟซแทน
( แต่สุดท้ายน้องเภสัชนี่ก็เดินมานั่งให้ดูใกล้ ๆ
ในร้านสตาร์บัคส์นั่นแหละ 555 )
เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้โพสต์อะไรในเฟซบุค
เพราะขี้เกียจ
ก็ได้แต่เข้าไปดู ๆ เฉย ๆ
ส่วนมากดูข่าว
เพราะหน้าฟีดมันจะโชว์ทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้
ข่าวในเฟซมันรวดเร็วดี
สะดวก
ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ
แล้วก็ดูคนนั้นคนนี้บ่นบ้างอะไรบ้าง
แต่ส่วนมากมักจะข้ามไป
เอาเข้าจริง
ข้าพเจ้าก็มีเฟซไว้ไปดูรูปของใครบางคนเท่านั้นแหละ
ดูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง
สบายดีหรือเปล่า
ทำอะไรที่ไหน
ก็แค่นั้น
( ความจริงพูดว่าใครบางคนก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ
และใครบางคนนี่ก็ไม่ใช่แฟนเก่าแน่นอนนะฮะ
เพราะอันนั้นเขาบล็อกข้าพเจ้าไปตั้งนานแล้ว
และข้าพเจ้าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรอีก
จึงเรียนมาเพื่อทราบบบบบ )
สักพักหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งข้าง ๆ
สังเกตสัมภาระแล้ว น่าจะเพิ่งกลับจากช้อปปิ้ง
คือบินไปเพื่อช้อปแล้วก็บินกลับว่างั้นเถอะ
ตามสไตล์ไฮโซ
เธอหันซ้ายหันขวาแล้วก็มาเลือกที่นั่งข้าง ๆ ข้าพเจ้า
ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะต้องการจะชาร์ตแบตมือถือ
( มิใช่พิศวาสฆาตกรรมอะไรในตัวข้าพเจ้าแต่อย่างใด )
โต๊ะอื่นอาจจะหน้าตาไม่น่าไว้วางใจ
หรือไม่ก็คงคิดว่าหน้าตาอย่างข้าพเจ้าคงไม่ลักของของเธอ
ชาร์ตมือถือได้สักพัก เธอก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
( ถ้าใครจินตนาการออก ร้านสตาร์บัคส์ เลยไปนิดหน่อยมันจะเป็นห้ามน้อง เอ๊ย! ห้องน้ำ
เอิ่ม.... --นี่มุกหรือเปลือกหอยแครง T_T )
โดยไม่เอ่ยปากสักคำ ว่า ฝากไอโฟนนิดนึงนะคะ
หรือ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ ช่วยดูแลหัวใจ เอ๊ย! ช่วยดูแลไอโฟนให้ด้วยนะคะ อย่างนี้ก็ไม่มี
แต่ทำเป็นเนียนว่า กูใช้ปลั๊กไฟอันเดียวกับมึงนะ อย่าให้หาย ๆ
ถ้าหายมีเรื่อง ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ เดี๋ยวมา เคมั้ย
จ้ะ... T_T
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ทำหน้าตาว่าจะชวนพูดคุยถามไถ่หรืออะไรอื่น
ความจริง ถ้าข้าพเจ้าไม่ใช่นักดู
ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำเหมือนพระเอกในละครว่า
"เอ่อ... เมื่อไหร่จะเปลี่ยนเป็นไอโฟนหกครับ
ถ้าไม่รังเกียจให้ผมช่วยเปลี่ยนให้ดีมั้ย" ( หุหุ )
ซึ่งเธออาจตอบกลับมา( พร้อมรอยยิ้ม)ว่า
"เรื่องของกรูค่ะ"
หรือไม่ก็
"ช่วยเปลี่ยนโนเกียมึงให้เป็นไอโฟน 4s ก่อนเถอะนะคะ"
5555
( ว่าแต่บทเริ่มสนทนานี่แน่ใจนะว่าบทพระเอก
ไม่ใช่บทเพลย์บอยหลอกเด็กนักศึกษา อิอิ )
จัญไรแท้ ๆ ที่ข้าพเจ้าเผลอนึกถึงตำนานรักสตาร์บัคส์ ขึ้นมาได้
เรื่องราวมันมีอยู่ว่า นิสิตสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง
ไปใช้บริการร้านสตาร์บัคส์นี่แหละ
แล้วก็มีชายหนุ่ม ทำเนียนว่า เอิ่ม... ขอฝากแม็คบุคไว้แป๊บนะครับ
จากนั้นไม่รู้ทำกันอีท่าไหน
ทั้งสองก็ได้แต่งงานเป็นผัวเมียกัน เรียบร้อยโรงเรียนกาแฟไปเสียฉิบ
อันนี้เรื่องจริง ข้าพเจ้าได้สดับมา ( ไม่ได้อำนะ 5555 )
ลองนึกดูเล่น ๆ เหมือนกันว่า
ถ้าผู้ชายไม่ฝากแม็คบุค แต่ฝากโน้ตบุคยี่ห้ออื่น เช่น... อะไรอย่างนี้
เรื่องราวของความรักจะจบลงด้วยดีหรือเปล่า
5555
แต่ก็อย่างว่า
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน ( ยกเว้นในวันจดทะเบียนหย่า อิอิ )
ก็เลยนึกเล่น ๆ ว่า
เราลองพกแม็คบุคติดตัวไว้บ้างตอนไปนั่งร้านสตาร์บัคส์
เผื่อจะเจอเนื้อคู่
สมมุติ ( สมมุตินะครับสมมุติ )
เอิ่ม... ขอฝากแม็คบุคแป๊บนะครับ
ได้ค่ะ
ไปเยี่ยวกลับออกมา
ทั้งผู้หญิงทั้งแม็ค
หายแซ้บบบบบ!!!!!
5555
อย่างนี้ก็คงไม่ไหว
ความจริงก็คิดเล่น ๆ ไปงั้นแหละ
แหม ๆ รู้ ๆ กันอยู่แล้ว
ว่าข้าพเจ้ามีแต่หนึ่งน้องนางเดียว ในดวงใจ
ไม่มีทางหวั่นไหวกับแค่ผู้หญิงในร้านกาแฟหรอกน่าาาา
ครุคริ
ผ่านไปสักพัก สตรีไฮโซก็มีคนมารับกลับบ้าน
และมีน้องนิสิตหน้าตาพอประมาณมานั่งแทนที่
( คือ พูดอย่างนี้ก็จะมีคนหาว่า มองคนที่หน้าตา
แหม ถ้าคนเขาไม่ใส่เสื้อผ้า มันก็น่ามองส่วนอื่นอยู่หรอกครับ
:P )
ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเรียนอยู่ที่จุฬาฯ สังเกตจากชุดและรองเท้า
สีผม ท่าทางการเดิน บุคลิกลักษณะ
เอาง่าย ๆ ก็คือ เด็กตามสถาบันต่าง ๆ มันจะมีบุคลิกเฉพาะตัว
บางทีไม่แต่งชุดนักศึกษา เราก็พอดูออก
ข้าพเจ้าแอบสังเกตบริขารของเธอ
เต็มไปด้วยแกดเกจไอเท็มไอทีตามแบบสมัยนิยม
แน่นอน มานั่งข้างข้าพเจ้า ก็ต้อง ชาร์ตแบต
5555
ความจริงก่อนหน้ามีครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งมานั่ง
ส่งเสียงโล้งเล้งสนั่นหวั่นไหวไปหมด
แต่ก็พอเข้าใจ
ถ้าครอบครัวข้าพเจ้าไปไหน
ก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน
ตอนที่น้องเขามานั่ง ถ้าข้าพเจ้าไม่ใช่นักดู
ก็คงเอ่ยปากถามไปบ้างว่า
เรียนคณะอะไรครับ อะไรอย่างนี้
ประมาณว่า มีส่วนเชื่อมโยงที่สามารถสร้างบทสนทนา
ว่างั้นเถอะ
แต่เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นมนุษย์เงียบ
ก็เลยอยู่เฉย ๆ ไม่ได้พูดจาหรือชวนคุยอะไร
สักพักปวดฉี่
ข้าพเจ้าก็เลยทำตัวเนียนเหมือนสตรีไฮโซ
คือลุกเดินไปโดยไม่บอกกล่าว
แต่ก็ให้เข้าใจนะว่า
ฝากดูแลของด้วย
55555
เฉพาะของนะจ๊ะ
เพราะหัวใจพี่ฝากไว้กับคนอื่นแล้ว
5555
จบข่าวแต่เพียงเท่านี้ดีกว่า
ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ
เดี๋ยววันหลังมาเล่าเรื่องฝรั่งมังค่าต่อ
( ถ้าไม่ลืมไปซะก่อน อิอิ )
29 01 2558