เล่าเรื่องค้างไว้ ตอนไปวัดครั้งล่าสุด
จริงแล้วก็มีเรื่องที่สนทนาธรรมกับครูบาวิทย์อีกหลายเรื่อง
โดยมากเป็นเรื่องภาวนา
และเรื่องโลกวิสัยบางเรื่อง
เรื่องภาวนานั้นเป็นเรื่องปกติที่พูดคุยกันอยู่แล้ว
เพราะบางที ข้าพเจ้าก็ชอบมีปัญหาใหม่ ๆ ( ซึ่งเป็นปัญหาเดิม ๆ )
ไปถามท่านเสมอ และคำตอบที่ได้ จะมีเหตุให้ฉุกคิดอะไรใหม่ ๆ อยู่ร่ำเรื่อย
อย่างคราวนี้ก็ถามเรื่องการเกิด ว่า ทำไมเราถึงลืมอดีตชาติของเรา
ซึ่งท่านก็ตอบ ทั้งที่ความจริง พวกปัญหาอย่างนี้ท่านไม่ตอบก็ได้
ดูเหมือนเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม หรือคำถามที่รู้ ๆ กันอยู่
แต่ข้าพเจ้าก็ชอบถาม
เพราะพอท่านตอบคำถามประเด็นหลักแล้ว
ท่านก็มักจะมีอะไรพูดต่อไปอีก
เช่นคราวนี้ ท่านก็ว่า คนเราเกิดมาก็ทำอะไรซ้ำเก่านั่นแหละ
นั่งสมาธิภาวนา ก็นั่งซ้ำเก่า ทำเพื่อให้ถึงจุดเก่าที่เคยทำ
พอมันถึงที่มันก็ไม่อยากจะเกิดอีก เพราะเบื่อหน่ายเรื่องเก่า ๆ เดิม
ครูบาบอกท่านไม่เกิดอีกแล้ว มีแต่ข้าพเจ้านี่แหละที่อยากเกิดอีก
"มีแต่อาร์ตี้นั่นแล้วจะต้องเกิดอีก" ท่านพูดแล้วก็หัวเราะ
5555
ข้าพเจ้าก็หัวเราะด้วย คือเวลาสนทนาธรรมกับท่าน
เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เพราะนอกจากจะได้รู้อะไรในภาคปฏิบัติ
ที่กว้างขวางออกไปแล้ว ก็มักจะมีมุกแทรกแซมอำกันอยู่เรื่อย ๆ
ข้าพเจ้าก็คิดในใจว่า ข้าพเจ้าก็ไม่อยากจะเกิดอีกหรอก
แต่ถ้ามันต้องเกิด มันก็คงต้องเกิด ตามหน้าที่
หมดหน้าที่เมื่อไหร่ ก็หมด จบกัน
อำลาโลกอันบกพร่องนี้ไปเสียตลอดนิรันดร์กาล
เรื่องโลกวิสัยนี่ ข้าพเจ้าก็นิสัยไม่ค่อยดี
ชอบเอาเรื่องโลก ๆ ไปถามพระถามเจ้า
555
อย่างเรื่องการเมืองเรื่องอะไรก็ถาม
หรือแม้กระทั่งเรื่องที่กำลังฮิตกันอยู่อย่าง อีโบล่า
ครูบาวิทย์ถามเรื่องนี้กับข้าพเจ้า
โชคดีทำการบ้านเรื่องอีโบล่าไว้เยอะ
เลยเล่าถวายท่านด้วยความมั่นอกมั่นใจหน่อย
555
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ฟังทัศนะของท่าน
วันที่เจ็ด พฤศจิกายน
ไปกราบลาหลวงพ่อกลับกรุงเทพฯ
เป็นประเหมาะเคราะห์ดีอย่างไรไม่ทราบ
วันนั้นไม่มีโยมคนไหนอยู่เลย
มีแต่ท่าน ผอ. ขาประจำ นั่งอยู่ด้วย
ท่านก็เลยพูดอะไรที่ค่อนข้าง เอ๊กซ์คลูซีฟ
และด้วยภาษาที่เป็นกันเอง แบบบ้าน ๆ สบาย ๆ
ครึ่งหนึ่งของการสนทนาเป็นภาษาอีสาน
จุดนี้เองที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวว่า
การได้เกิดเป็นคนพื้นเพเดียวกับครูบาอาจารย์นั้น
เป็นบุญอย่างสูง
เพราะถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เกิดเป็นคนอีสาน
ก็คงฟังที่ท่านพูดไม่ลึกซึ้ง
และครูบาอาจารย์บางองค์ อย่างครูบาวิทย์นี่ท่านไม่พูดภาษากลางเลย
คือ พูดบ้าง กับแขกต่างถิ่นเป็นบางครั้งบางคราว
แต่กับลูกศิษย์ท่านก็พูดภาษาอีสาน
เพราะคล่องปากคล่องใจอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
หลวงพ่อท่านก็เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง
ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องการงานที่ต้องทำกับทางโลก
เรื่องปัญหาอุปสรรคทั้งหลาย
ซึ่งก็จะมีข้อธรรมะแทรกอยู่เป็นระยะ ๆ
ท่านก็เล่าให้ฟังตั้งแต่เก้าโมงจนสิบโมง หนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ
โดยมีท่าน ผอ. คอยชูบางประเด็นเป็นระยะ ๆ
พอดีสิบโมงกว่า ๆ ฝนตก
ประกอบกับโยมแม่ครูบาแพน ขึ้นมากราบลาหลวงพ่อ
ข้าพเจ้าเลยถือโอกาสลากลับอย่างเป็นทางการ
ได้นมผสมโอวัลตินมาด้วย อันนี้ท่านผสมเอง
แล้วก็ได้ของที่ระลึก
ซึ่งคิดว่า คงเหลืออยู่แค่อันเดียว
( ไม่ได้ชำเลืองมองตอนท่านหยิบ )
ที่คิดเช่นนั้นเพราะมันแลดูเก่าเก็บมาก มีมดขึ้นด้วย
มาถึงบ้านเปิดดู
ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งกว่าได้ทองคำ
เพราะเป็นประวัติหลวงปู่จาม
จริงแล้วประวัติหลวงปู่จามนี้ ข้าพเจ้าเคยได้ และอ่านจบไปแล้ว
ตั้งแต่ครั้งไปกราบท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ
จากนั้นเพื่อนก็ยืมไป
หลายปีแล้วก็ยังไม่คืน ( คิดว่าเขาคงยังอ่านไม่จบ )
ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ทวง
แต่บางทีก็นึกอยากอ่านหนังสือเล่มนี้ซ้ำ
หรืออยากอ่านบางบทบางตอนที่สนุก ๆ อีก
ได้แต่นึกถวิลหาอยู่ร่ำเรื่อย
เมื่อได้มาก็เลยดีใจมาก
ส่วนอีกอย่างเป็นซีดีธรรมะหลวงพ่อ
ซึ่งเคยได้แล้ววันที่สี่
ท่านบอกว่า เหมือนกัน อันเดียวกัน
ก็เอาไปให้คนอื่นก็ได้ ท่านว่า
( ตอนที่ให้ท่านพูดถึงแต่ซีดี ไม่พูดถึงหนังสือ )
ขับรถตากฝน ซึ่งดีมาก เพราะก่อนหน้านี้
รถข้าพเจ้าวิ่งเหยียบน้ำยางพาราที่เขาทำเรี่ยราดตามถนน
เหม็นมาก ( ตั้งแต่วันมาวัดหนแรกนั่นหละ )
คิดอยากให้ฝนตกมาล้างเสียหน่อย
แล้วฝนก็ตกจริง ๆ วันนี้
ตกทั้งวัน หนักมากด้วย
สมใจ T_T
ขากลับพายายแวะซื้อรองเท้า
เห็นบ่นอยากได้หลายวันแล้ว
จะซื้อให้ตั้งแต่คราวไปช้อปปิ้งเมื่อวันที่สี่
ที่เซ็นทรัล อุดรฯ ก็ไม่เอา
อยากซื้อแถวบ้าน
เรื่องช้อปปิ้งนี่ก็มีเรื่องสนุกสนานเหมือนกัน
เอาไว้เล่าวันหลัง
และเรื่องขับรถกลับกรุงเทพฯ ก็มีเรื่องตื่นเต้นด้วย
จะเอาไว้เล่าวันหลังอีก
วันนี้เอวังแต่เท่านี้ก่อน
นอนหลับฝันดี ราตรีวัสดิ์ทุกท่านทุกคนเทอญญญญญ
5555
Arty K.
12 11 2014
22.28 น.