ว่าด้วยการสวดมนต์แล้ว
การสวดมนต์นี้ดีหลายอย่าง
เป็นการจดจำพระธรรมวินัยด้วย
เป็นการฝึกสติด้วย
เป็นการให้ความอบอุ่นใจด้วย
เป็นพลังใจด้วย
เป็นบารมีด้วย
เป็นการปกป้องคุ้มครองด้วย
เป็นการฝึกสมาธิด้วย
เป็นการทำความเคารพด้วย
เป็นการบูชาด้วย
เป็นความรู้ด้วย
เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งด้วย
เป็นการสืบต่อศาสนาด้วย
ถ้ามีเวลาแล้วข้าพเจ้าก็สวดมนต์อย่างต่ำไม่น้อยกว่า ๒ ชั่วโมง
ก็สวดไปเรื่อย
เจ็ดตำนาน สิบสองตำนานอะไรก็สวด
ปริตร ก็สวด
หรือที่เป็นพระสูตรอะไรต่าง ๆ สั้น ๆ ก็สวด
หรือยาว ๆ อย่าง ธัมมจักรฯ ก็สวด
การสวดนี้ไม่เลือกวันศีลวันพระวันโกน วันอะไรก็สวดได้หมด
หากไม่มีเวลาก็สวดอย่างย่อ ๆ พอเป็นพิธีก่อนทำสมาธิภาวนา
สวดมนต์ถ้าเราสวดดี ๆ แล้ว
เมื่อทำสมาธิ จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
สมัยข้าพเจ้าเป็นเด็ก
ข้าพเจ้าทำหนังสือสวดมนต์เอง
คืออยากสวดอะไร
ก็เอามารวม ๆ กันไว้
พิมพ์แล้วก็ปริ้นท์ออกมา
เย็บเป็นเล่ม เอาไว้สวด
สมัยก่อนต้องพิมพ์เอง
เพราะอินเทอร์เน็ตยังไม่เฟื่องฟู
ไม่มีข้อมูลในโลกไซเบอร์มากมายให้คัดลอกอย่างทุกวันนี้
เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ง่าย
อยากได้บทไหนมีไว้หมด
ซึ่งบางครั้ง ความง่ายนี้เอง
ทำให้เราหลงลืม
และบางทีก็ผลัดวันประกันพรุ่ง
พอจะเป็นจะตายขึ้นมาแล้วค่อยนึกถึงศาสนา
นึกถึงธรรมะขึ้นมา
ไม่ทำไว้โดยสม่ำเสมอ
แต่ก่อนมีคนชอบทำหนังสือสวดมนต์แจก
เป็นมนต์ประเภทที่ว่า สวดอันนี้อันเดียวครอบจักรวาล
อย่างเช่น ยอดกัณฑ์พระไตรปิฎก อย่างนี้เป็นต้น
สมัยนั้นข้าพเจ้าก็ได้รับแจกมาเหมือนกัน
แต่ไม่ได้สวด
ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่า
คนที่ให้ที่ทำมาเขาสวดบ้างหรือเปล่า
หรือแค่เห็นคำพูดว่า
ถ้าพิมพ์แจกแล้วจะได้อานิสงส์มากมายมหาศาลเหมือนสวดเอง
แล้วก็พิมพ์กันต่อ ๆ มา
ที่ข้าพเจ้าไม่สวดเพราะไม่รู้ความหมาย
บทสวดมนต์อะไรที่ข้าพเจ้าไม่รู้ความหมายข้าพเจ้าก็ไม่สวด
หรือหากได้ยินบทใดคนอื่นเขาพาสวดไปแล้ว
ก็สวดตามเขาไปบ้าง แต่ก็ต้องมาหาดูความหมายอยู่ดี
เพราะนิสัยข้าพเจ้า
ถ้าจะทำอะไร
จะเชื่ออะไรก็ต้องรู้จักให้มันจริงเสียก่อน
รู้ให้มันถ้วนทั่ว
อย่างเรื่องบวชนี้ก็เหมือนกัน
ตอนเป็นเด็กเพื่อนข้าพเจ้าบวชเณรกัน
ฤดูร้อน ฤดูอะไรก็บวชกัน
ข้าพเจ้าไม่บวช
เพราะรังเกียจตัวเองว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรจะไปบวชได้ยังไง
ถ้าจะบวชก็ต้องรู้จักธรรมเนียมรู้จักวัตรปฏิบัติอะไรให้มันดีก่อน
แล้วค่อยบวชค่อยทำ
เพราะถ้าเราไปบวชไปอะไรทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
แทนที่จะเป็นบุญเป็นกุศลก็เป็นบาปเปล่า ๆ
แม้การบวชจะได้ชื่อว่าได้บุญมาก
แต่ถ้าทำผิดก็ได้บาปมากเหมือนกัน
และเท่าที่สังเกตดู
เด็ก ๆ แถวบ้านสมัยนั้น
บวชไปแล้วก็แอบกินมาม่ากันบ้าง
พ่อแม่เอาโอวัลติลไปส่งตอนเย็นมั่ง
มันวิปลาส
ข้าพเจ้าก็ไม่เคยบวชมาจนกระทั่งทุกวันนี้
แต่เหตุที่ไม่ได้บวชในตอนโตนี้
ไม่ใช่เพราะยังไม่รู้ธรรมเนียม
แต่เพราะกลัว
คือกลัวว่าบวชไปแล้วจะไม่ลาสิกขา
ธุระการงานยังมีสิ่งที่ข้องขัดอยู่
ถ้าไปแล้วไปเลยจะลำบากคนข้างหลัง
ก็เลยยั้งอยู่ก่อน
พูดถึงเรื่องบวชแล้ว
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นี้
เพื่อนสนิทข้าพเจ้าจะบวช
บวชไม่มีกำหนด
ความจริงก็คือ ไม่คิดจะสึกแล้ว
ว่าง่าย ๆ
คำว่า สึก นี้ ข้าพเจ้าไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่
เพราะรู้สึกเหมือนมันจะผิดเพี้ยน
ภาษาอิสานเรียก สึก ว่า สิก
ข้าพเจ้าเห็นตรงมากกว่า
เพราะมาจากคำว่า ลาสิกขา
กร่อน ๆ มาก็เป็น ลาสิก
ก็เหลือ สิก อย่างเดียว
แต่ สึก นี่ เป็นมาอย่างไร ข้าพเจ้านึกไม่ออก
ไม่ทราบที่มาที่ไป
พ. พุทธังกุโร
๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖