ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

การสวดมนต์ กับ การลาสิกขา



ว่าด้วยการสวดมนต์แล้ว

การสวดมนต์นี้ดีหลายอย่าง

เป็นการจดจำพระธรรมวินัยด้วย

เป็นการฝึกสติด้วย

เป็นการให้ความอบอุ่นใจด้วย

เป็นพลังใจด้วย

เป็นบารมีด้วย

เป็นการปกป้องคุ้มครองด้วย

เป็นการฝึกสมาธิด้วย

เป็นการทำความเคารพด้วย

เป็นการบูชาด้วย

เป็นความรู้ด้วย

เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งด้วย

เป็นการสืบต่อศาสนาด้วย


ถ้ามีเวลาแล้วข้าพเจ้าก็สวดมนต์อย่างต่ำไม่น้อยกว่า  ๒  ชั่วโมง

ก็สวดไปเรื่อย  

เจ็ดตำนาน  สิบสองตำนานอะไรก็สวด

ปริตร  ก็สวด

หรือที่เป็นพระสูตรอะไรต่าง ๆ    สั้น ๆ  ก็สวด

หรือยาว ๆ  อย่าง  ธัมมจักรฯ  ก็สวด

การสวดนี้ไม่เลือกวันศีลวันพระวันโกน  วันอะไรก็สวดได้หมด

หากไม่มีเวลาก็สวดอย่างย่อ ๆ  พอเป็นพิธีก่อนทำสมาธิภาวนา

สวดมนต์ถ้าเราสวดดี ๆ  แล้ว

เมื่อทำสมาธิ  จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว


สมัยข้าพเจ้าเป็นเด็ก

ข้าพเจ้าทำหนังสือสวดมนต์เอง

คืออยากสวดอะไร

ก็เอามารวม ๆ  กันไว้

พิมพ์แล้วก็ปริ้นท์ออกมา

เย็บเป็นเล่ม  เอาไว้สวด

สมัยก่อนต้องพิมพ์เอง

เพราะอินเทอร์เน็ตยังไม่เฟื่องฟู

ไม่มีข้อมูลในโลกไซเบอร์มากมายให้คัดลอกอย่างทุกวันนี้

เดี๋ยวนี้อะไร ๆ  ก็ง่าย

อยากได้บทไหนมีไว้หมด

ซึ่งบางครั้ง  ความง่ายนี้เอง

ทำให้เราหลงลืม

และบางทีก็ผลัดวันประกันพรุ่ง

พอจะเป็นจะตายขึ้นมาแล้วค่อยนึกถึงศาสนา

นึกถึงธรรมะขึ้นมา

ไม่ทำไว้โดยสม่ำเสมอ



แต่ก่อนมีคนชอบทำหนังสือสวดมนต์แจก

เป็นมนต์ประเภทที่ว่า  สวดอันนี้อันเดียวครอบจักรวาล

อย่างเช่น  ยอดกัณฑ์พระไตรปิฎก  อย่างนี้เป็นต้น

สมัยนั้นข้าพเจ้าก็ได้รับแจกมาเหมือนกัน

แต่ไม่ได้สวด

ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่า

คนที่ให้ที่ทำมาเขาสวดบ้างหรือเปล่า

หรือแค่เห็นคำพูดว่า

ถ้าพิมพ์แจกแล้วจะได้อานิสงส์มากมายมหาศาลเหมือนสวดเอง

แล้วก็พิมพ์กันต่อ ๆ  มา

ที่ข้าพเจ้าไม่สวดเพราะไม่รู้ความหมาย

บทสวดมนต์อะไรที่ข้าพเจ้าไม่รู้ความหมายข้าพเจ้าก็ไม่สวด

หรือหากได้ยินบทใดคนอื่นเขาพาสวดไปแล้ว

ก็สวดตามเขาไปบ้าง  แต่ก็ต้องมาหาดูความหมายอยู่ดี

เพราะนิสัยข้าพเจ้า

ถ้าจะทำอะไร

จะเชื่ออะไรก็ต้องรู้จักให้มันจริงเสียก่อน

รู้ให้มันถ้วนทั่ว

อย่างเรื่องบวชนี้ก็เหมือนกัน

ตอนเป็นเด็กเพื่อนข้าพเจ้าบวชเณรกัน

ฤดูร้อน  ฤดูอะไรก็บวชกัน

ข้าพเจ้าไม่บวช

เพราะรังเกียจตัวเองว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรจะไปบวชได้ยังไง

ถ้าจะบวชก็ต้องรู้จักธรรมเนียมรู้จักวัตรปฏิบัติอะไรให้มันดีก่อน

แล้วค่อยบวชค่อยทำ  

เพราะถ้าเราไปบวชไปอะไรทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

แทนที่จะเป็นบุญเป็นกุศลก็เป็นบาปเปล่า ๆ  

แม้การบวชจะได้ชื่อว่าได้บุญมาก

แต่ถ้าทำผิดก็ได้บาปมากเหมือนกัน

และเท่าที่สังเกตดู

เด็ก ๆ  แถวบ้านสมัยนั้น

บวชไปแล้วก็แอบกินมาม่ากันบ้าง

พ่อแม่เอาโอวัลติลไปส่งตอนเย็นมั่ง

มันวิปลาส

ข้าพเจ้าก็ไม่เคยบวชมาจนกระทั่งทุกวันนี้

แต่เหตุที่ไม่ได้บวชในตอนโตนี้

ไม่ใช่เพราะยังไม่รู้ธรรมเนียม

แต่เพราะกลัว

คือกลัวว่าบวชไปแล้วจะไม่ลาสิกขา

ธุระการงานยังมีสิ่งที่ข้องขัดอยู่

ถ้าไปแล้วไปเลยจะลำบากคนข้างหลัง

ก็เลยยั้งอยู่ก่อน



พูดถึงเรื่องบวชแล้ว

วันที่  ๑๔  กรกฎาคม  ๒๕๕๖  นี้

เพื่อนสนิทข้าพเจ้าจะบวช

บวชไม่มีกำหนด

ความจริงก็คือ  ไม่คิดจะสึกแล้ว

ว่าง่าย ๆ  

คำว่า  สึก  นี้  ข้าพเจ้าไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่

เพราะรู้สึกเหมือนมันจะผิดเพี้ยน

ภาษาอิสานเรียก  สึก  ว่า  สิก

ข้าพเจ้าเห็นตรงมากกว่า

เพราะมาจากคำว่า  ลาสิกขา

กร่อน ๆ  มาก็เป็น  ลาสิก

ก็เหลือ  สิก  อย่างเดียว

แต่  สึก  นี่  เป็นมาอย่างไร  ข้าพเจ้านึกไม่ออก

ไม่ทราบที่มาที่ไป



พ. พุทธังกุโร
๑๓  มิถุนายน  ๒๕๕๖