ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

ใครฆ่าค่าข้าราชการ (บทบริภาษ)


เชื่อว่า  ประชาชนคนไทยแทบทุกคนเคยประสบปัญหากับ

"ข้าราชการ"

ในสังคมที่เติบโตมากับระบอบเผด็จการสมบูรณาญาสิทธิราชย์

เติบโตมากับระบบเจ้าขุนมูลนาย

เติบโตมากับระบบอุปถัมภ์ค้ำชู

มีเมล็ดพันธุ์แห่งการยกตนข่มท่านฝังอยู่ทุกหย่อมหญ้า

ความเชื่อเก่าแก่และฝังรากลึกในสังคมไทยก็คือ

จะประกอบอาชีพอะไรก็ได้

ขอให้เป็น  "ข้าราชการ"  ก็พอ

และด้วยพื้นเพในอดีตที่เป็นระบอบเผด็จการนี้เอง

ที่ทำให้คำว่า  "ข้าราชการ"  คือ  ข้าของราชการ  ไม่ใช่  ข้าประชาชน

แม้ว่าเราจะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตย

แต่คำว่า  "ข้าราชการ"  หาได้เปลี่ยนนิยามที่ยึดถือกันโดยเนื้อในและเนื้อนัยไม่

แต่ก่อน  ข้าราชการ  ได้รับเงินจากหลวง

ปัจจุบันนี้  ก็ยังได้รับเงินจากหลวงอยู่

เงินที่มาเป็นเดือนเดือนแก่ข้าราชการ

ก็มาจากภาษี

หรือจากค่าธรรมเนียมอะไรต่าง ๆ  

หรือค่าอื่น ๆ  อันรัฐเรียกเก็บก็ตาม

ไม่ค่อยจะต่างกันเลยระหว่างอดีตกับปัจจุบัน

สิ่งที่ต่างกันก็คือ

ระบอบการปกครอง  เท่านั้น

การได้เป็น  ข้าราชการ  ก็ไม่ได้ต่างกันมากระหว่างสมัยนี้กับสมัยก่อน

คือ  ๑.  ใช้ความรู้ความสามารถ

๒.  ใช้ผู้มีอำนาจ

๓.  ใช้เงินตรา

หรืออาจจะทั้งสามอย่าง  หรือสองอย่างผสมกัน  หรือาจจะเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้



ที่เกริ่นมานี้  ไม่ได้ตั้งใจจะเล็กเชอร์  ว่าด้วยเรื่อง  ข้าราชการแต่อย่างใด

แต่เป็นการทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับข้าราชการเท่านั้น



ในความเห็นข้าพเจ้า

หากต้องการให้ประเทศพัฒนา

ก็ควรยกเลิกระบบ  และยกเลิกชื่อที่ว่า  "ข้าราชการ"  นี้เสีย ( ให้หมดสิ้นจริงจัง )

เพราะอย่างไรเราก็เปลี่ยนระบอบการปกครองแล้ว

จะให้ดีควรต้องรื้อทิ้งระบบอุปถัมภ์ทั้งหมดด้วย

เพราะนี่คือสิ่งที่ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ



ที่ว่ามานี้จะว่าข้าพเจ้าเป็นเสื้อแดงล้มเจ้า  หรืออะไรก็หามิได้

หรือจะหาว่าข้าพเจ้าฝักใฝ่ทักษิณ  ก็หามิได้อีก

ข้าพเจ้าฝักใฝ่อะไรก็ตาม

ที่ดำเนินการไปเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีสุข  โดยถ้วนทั่วและเท่าเทียม

มันจะเป็นประชานิยมก็ได้  เป็นทุนนิยมก็ได้  หรือเป็นเผด็จการก็ได้

แต่อำนาจบาตรใหญ่  ของบุคคลที่เรียกว่า  "ข้าราชการ"  ต้องหมดไป

เราจะสังเกตได้ว่า

"ข้าราชการ"  นั้น

แม้จะตัวเล็กตัวน้อยเท่าไหร่ก็ไม่วายที่  "เบ่ง"  อยู่ร่ำไป

( เกิดคำถามเล็ก ๆ  ขึ้นมาว่า  มึงเป็นโรคท้องผูกเหรอครับ  ถึง  "เบ่ง"  อยู่ได้

หรือว่า  ปวดท้องจะคลอดตัวเสนียดออกมาประดับโลก  ถึงได้เบ่งกันนัก )

ว่าก็ว่า

มีแค่เพียงช่วงระยะเวลาเดียวเท่านั้น

ที่ข้าพเจ้าอยากล้มเจ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดกับเขาเสียหน่อย

ก็คือ  ตอนเล่นป๊อกเด้ง (ฮา)

แหม  ยิ่งตอนเจ้ามันดวงขึ้นนี่  แทบจะแหลกรอบวง

หึหึ


"หมอสังเกตมาตลอดชีวิตข้าราชการว่า  ระบบข้าราชการนั้นเป็นระบบ

ที่ทำลายคนมากกว่าสร้างคน  คนที่จะทำงานอยู่ในระบบนี้ได้คือ  พวกปลง  พวก

ไม่สนใจอะไรมากนัก  พวกที่อยากอยู่ไปเรื่อยๆ  แม้ไม่ก้าวหน้า  ไม่ร่ำรวย  แต่

ไม่ตกต่ำแน่นอน

ในทางตรงข้าม  คนดี  ตั้งใจทำงาน  คนที่มุ่งเนื้องานมากกว่าผลตอบ

แทน  มักจะอยู่ไม่ได้  หรืออยู่ได้ก็คงต้องอยู่เงียบ ๆ"

แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์  โรจนสุนันท์  กล่าวไว้  ในหนังสือ  "ใต้มุมหมอ"

หนังสือเล่มนี้  พิมพ์ตั้งแต่ปี  ๔๘

แต่ไม่ว่าจะผ่านไปยุคสมัยไหน ๆ  ก็ยังเหมือนเดิมอยู่

แม้ว่าเราจะเปลี่ยนจากคำว่า  "ข้าราชการ"  เป็น  "พนักงานของรัฐ"  แล้วก็ตาม

แท้แล้วการเปลี่ยนนี้  ไม่ครอบคลุมทั้งหมด

มีชนบางพวกยังได้รับอภิสิทธิ์ให้บรรจุเป็นข้าราชการ

ซึ่งนี่เป็นเรื่องของ  "อำนาจและผลประโยชน์"  ล้วน ๆ 

ถ้ากล้าหาญจริง

ก็ควรเปลี่ยนเสียให้หมดและเปลี่ยนพร้อมกันทั่วประเทศ 


ความจริงมีเรื่องชั่ว ๆ  เรื่องไม่ได้เรื่องของข้าราชการหลายเรื่อง

ที่ข้าพเจ้าได้ประสบมาด้วยตนเอง

หรือแม้กระทั่งคนอื่นเล่าให้ฟัง

แต่ก็นั่นแหละ

ความอัปรีย์จัญไร  ไม่ควรอยู่ในบล็อกแห่งนี้มากนัก

ถามว่า  สิ่งสกปรกโสโมมพวกนี้  มาจากไหน

ก็มาจากตัว  "ข้าราชการ"  เอง

ความที่ต้องเปลี่ยนชื่อเรียก  ที่ทำให้คนเขาเอาไปคิดเปลี่ยนแปลง

ก็มาจากตัว  "ข้าราชการ"  เอง  ที่ทำชั่ว

เพราะคิดว่า  ตัวเองคือ  "ข้าราชการ"  มีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนคนอื่นอยู่ร่ำไป

ความจริงข้าพเจ้าอยากเสนอให้เปลี่ยนจาก  "พนักงานของรัฐ"

มาเป็น  "ข้าประชาชน"  เสียมากกว่า

เพราะมันน่าจะกระตุกกระตุ้นให้สำนึกในหน้าที่  และย้ำเตือนบุคคลเหล่านั้น

ให้ตระหนักสำนึกเสียบ้าง  เมื่อต้องให้บริการ  "ประชาชน"

ก็ควรนึกถึงบุญคุณของประชาชน  ผู้ซึ่งเป็น  "นายจ้าง"  ของ  "ข้าราชการ"  อย่างแท้จริง

และที่สำคัญจะได้คิดถึงอยู่ตลอดเวลาว่า  นี่เป็นการทำงานเพื่อส่วนรวม

เพื่อประเทศชาติ  เขาจ้างเรามา  เราก็ต้องทำงานให้เต็มที่

ประโยชน์ผู้อื่นเป็นที่หนึ่ง  ประโยชน์ตนเป็นที่สอง

การรณรงค์เรื่องคุณธรรม  หรือไม่โกง  ไม่อะไรที่ไม่ดีทั้งหลาย

ข้าพเจ้าคิดว่า  ควรรณรงค์ที่ข้าราชการนั่นแหละ   มากที่สุด

และควรรณรงค์ว่าด้วยเรื่อง  การทำงาน  เสียด้วย

ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนเละเลอะอย่างที่เห็นทุกวันนี้


หากจะอ้างว่า  ประชาชนเป็นนายจ้างของข้าราชการได้อย่างไร

ในเมื่อข้าราชการนั้น  ก็เข้ามาด้วยวิธีสามประการข้างต้น

( ไม่เกี่ยวกับประชาชนแม้แต่นิดเดียว )

และข้าราชการก็ทำงานให้ประชาชนอยู่แล้ว

ถ้าไม่มีข้าราชการ  ประชาชนจะทำทุกอย่างเองก็ไม่ได้  มันก็ต้องมีข้าราชการ

จะมาอ้างบุญอ้างคุณอะไรกันอีก

หรือจะมาให้นบนอบอะไรนักหนา

ก็ต้องถามกลับว่า

ใครใช้ให้คุณไปเป็นข้าราชการ

คุณกระสันอยากเป็นเองมิใช่หรือ  หากไม่ก็เป็นบิดามารดาญาติพี่น้องของคุณ

ที่กระเหี้ยนกระหือรือทั้งผลักทั้งดันคุณให้เป็นข้าราชการ

ไม่มีคุณ  ก็มีคนอื่นที่อยากเป็นข้าราชการ  และเขาเหล่านั้น

ก็อาจจะมีหัวใจที่พร้อมทำงานให้ประชาชนมากกว่าคุณก็เป็นได้

คุณควรตะหนักว่าเนื้อแท้แล้ว

ข้าราชการ  ก็คือ  พนักงานผู้ให้บริการ  

ไม่ต่างจากการให้บริการประเภทอื่นของเอกชนเลย


ข้าราชการนั้น  ไม่เสียภาษี  ถ้าพูดกันตามสภาพจริง

เพียงแต่เอาเงินภาษีที่ได้มาคืนหลวงไปส่วนหนึ่งเท่านั้น

ในทำนอง  อัฐยายซื้อขนมยาย 

เพราะฉะนั้น  คุณข้าราชการทั้งหลาย  ไม่ต้องมาผยองหรืออวดอ้างว่า

ฉันก็เสียภาษีนะ

คนที่เสียภาษีตัวจริงเต็มขั้นหลบหนีมิได้  คือมนุษย์เงินเดือน

ที่เกลื่อนกระจายทั่วประเทศแต่หากกระจุกอยู่ที่กรุงเทพมหานครต่างหาก

กระทั่งบริษัทห้างร้านต่าง ๆ  ก็ยังหลบภาษีหนีได้บ้าง

หากมนุษย์เงินเดือนหนีไม่ได้เลย

ต้องหาวิธีการอื่น ๆ  เช่น  ซื้อประกันบ้าง  กองทุนบ้าง  บริจาคการกุศลบ้าง

ถัว ๆ  กันไป  ( อยากรู้จริงๆ  ว่าตรงนี้ใครกำหนด  และใครได้ประโยชน์ที่แท้จริง  หึหึ )


ในความคิดเห็นของข้าพเจ้า

ประชาชนควรมีสิทธิ์ไล่ข้าราชการออกได้

หากข้าราชการนั้นประพฤติมิชอบ

หรือสั่งพักงานข้าราชการได้

เพราะถ้าจะเทียบกัน

นายจ้าง  คือ  ประชาชน  

ถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัท  

นายจ้างคือบริษัทของคุณ

เงินเป็นของนายจ้าง  เขาย่อมมีสิทธิ์พิจารณาเลื่อนตำแหน่ง

ลดเงินเดือน  พักงาน  หรืออื่น ๆ  ตามความเหมาะสม

โดยนัยเดียวกัน

ประชาชนก็ควรมีสิทธิ์ที่จะทำได้

แต่สิทธิ์นั้นถูกโอนไปให้ข้าราชการซึ่งเป็นหัวหน้าเขาอีกทีเสียแล้ว

ความจริงถ้าเราว่างกันมาก

แทนที่จะทวง  ปตท.  คืน  หรือทวงนั่นทวงนี่คืน

คุณควรทวงสิทธิ์ปลดข้าราชการคืน  จะดีกว่า

เพราะพวกนี้กินภาษีของพวกคุณทุกบาททุกสตางค์


ข้าราชการควรอ่อนน้อมต่อประชาชนมิใช่กระด้างกระแดะ

และหากคุณรับไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนี้

ก็ควรลาออกไปเสีย

ไม่มีคุณสักหนึ่งคน

ประเทศชาติก็เดินหน้าต่อไปได้

มีคนดีมีความสามารถมากมายเกลื่อนกล่นไปในประเทศนี้

ที่ทำงานได้  โดยไม่ยกตนข่มประชาชน

และโดยไม่ต้องแสดงอาการประหนึ่งท้องผูกใส่ผู้อื่นอยู่ร่ำเรื่อย


ดิษฐ์  จรัส
๑๗  พฤษภาคม  ๒๕๕๖

ไม่มีความคิดเห็น: