พูดไปใครเขาจะเชื่อ
ว่าวงการการทันตแพทย์จะมีเรื่องพรรค์นี้อยู่ด้วย
เพราะได้ชื่อว่าหมอแล้ว
คำว่าคุณธรรมจริยธรรม
รวมถึงคำชนิดที่ว่า "จรรณยาบรรณ" นั้น
มันติดแนบอยู่กับวิชาชีพอย่างแยกไม่ออก
จนบางครั้ง
ผู้คนให้ความคาดหวังราวกับว่า
หมอนี้คือพระสงฆ์องค์เจ้าผู้จะปัดเป่าความทุกข์ทั้งมวลแก่เขา
เป็นคนดีเลิศประเสริฐศรีหาที่ตำหนิติต้องมิได้
อย่างนี้เลยทีเดียว
เพราะทั้งนี้ทั้งนั้น
การเป็นหมอมันมีรากฐานมาจากการให้เปล่าให้ฟรี
คือคนเป็นแพทย์เป็นหมอยากลางบ้านสมัยโบราณนั้น
เขาก็ไม่ได้เรียกร้องเอาอะไรเป็นล่ำเป็นสันเหมือนกับปัจจุบัน
มีเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น
ไม่มีก็ไม่เอา
หรือบางทีเอาก็เป็นค่าครูค่าคายอะไรไป
แล้วหมอก็ไม่ได้ประกอบอาชีพหมอโดยถ่ายเดียว
เขาก็มีเรือกสวนไร่นาทำมาหากินไปด้วย
มันผิดแปลกไปจากสมัยนี้
ความเป็นอาชีพ และความแยกแยะหน้าที่ของพลเมืองตามแบบฉบับตะวันตกนั้น
มันเข้ามาแทนสังคมเกษตรกรรมแบบสยามไปเสียสิ้น
จึงทุกอย่างต้องมีผลตอบแทนให้สมประโยชน์กัน
(ความจริงสมัยนี้ก็มีไม่น้อยที่หมอมีอาชีพอื่นคู่ไปด้วย แต่ก็อย่างว่า
ค่ารักษาค่าแรงค่ายามันก็ต้องมีเพราะถูกกำหนดมาแล้ว)
แต่บางครั้งหรือหลาย ๆ ครั้ง
ด้วยอาศัยว่าตนรู้อยู่ฝ่ายเดียว
ก็เกิดการเรียกร้องเอาจนเกินไปบ้าง
แต่ที่เกินไปนั้น
ชนบางหมู่เหล่าก็มีเงินจ่าย
เพราะแลกกับบริการที่ดี
จึงเกิดมีลักษณะของการพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวเต็มรูปแบบ
อันนี้เราก็ไม่ว่ากัน
เพราะมันเป็นไปตามยุคสมัย
และเป็นไปตามระบบระเบียบทุนนิยมเขา
แต่หากแท้ที่จริงแล้ว
คำว่าคุณธรรมก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ
ไม่ว่าจะอาชีพใดก็ตาม
อย่างน้อย ๆ
ก็ต้องมี "ความซื่อสัตย์" ต่อกัน
มีคลินิกแห่งหนึ่ง
ข้าพเจ้าเคยไปรับอยู่แทนวันหนึ่ง
สมัยก่อนข้าพเจ้ามักใช้เวลาว่าง
ในการตระเวนไปทำคลินิกที่ประกาศรับหมออยู่แทน
เพราะอยากเข้าไปดูคลินิกอื่น ๆ ว่า
เขามีส่วนดีส่วนเสียอย่างไร
จะได้เอามาปรับปรุงคลินิกตัวเอง
ไอ้คลินิกที่ว่านี่ก็ตั้งอยู่ย่านคนรวย
คือเต็มไปด้วยคนต่างชาติ ประเภทเกาหลีญี่ปุ่น ว่างั้นเถอะ
ไปทำแทนเสร็จแล้ว
ก็ตกลงกันว่าจะจ่ายเงินให้ต้นเดือนหน้า
(ไปทำกลางเดือน)
พอต้นเดือน
ก็โทรไปถาม
น้องที่รับโทรศัพท์ก็บอก
ขอเลื่อนเป็นกลางเดือน
รอกลางเดือนก็แล้ว
โทรถามอีกก็บอก
ปลายเดือน
พอปลายเดือนก็บอกเดือนหน้า
เลื่อนไปเรื่อย
จนข้าพเจ้าคิดสาปแช่งมันอยู่ในใจว่า
ขอให้มึงเจ๊งทีเถอะ
อีห่าคลินิกจัญไรอย่างนี้
โทรไปถามอีกที
คลินิกกำลังจะเลิกกิจการแล้วค่ะ
นั่นไง
ข้าพเจ้ายังมีแก่ใจไปถามเขาอีกว่า
อ้าว คลินิกเจ๊งแล้วน้องจะไปทำงานที่ไหน
(ฮา)
คลินิกนี้เจ๊งไปจริง ๆ
ซึ่งไม่ใช่ด้วยเหตุผลโกงค่าจ้างหมออย่างเดียวแน่ ๆ
เพราะคลินิกจะล้มเหลว
มันมีหลายปัจจัย
เรียกอย่างภาษาทางการแพทย์ว่า
มันเป็นกลุ่มอาการที่มี multifactorial factor
( แปลให้งงกันว่า พหุปัจจัย อิอิ )
การโกงกันเป็นปัจจัยหนึ่ง
แท้แล้วข้าพเจ้าไม่ฉลาดรอบคอบเอง
เพราะมีหลายคนไปเขียนประจานในเว็บ
ว่าคลินิกนี้เมื่อไหร่จะจ่ายเงินซักที
รอมาหลายเดือนแล้ว
ข้าพเจ้าดันเสือกไปเห็นหลังจากที่ไปทำงานให้เขามาแล้ว
ซวยไป
แต่ก็เป็นประสบการณ์
ราคาไม่แพงมากถ้าพูดถึงเรื่องเงิน
แต่ที่แพงกว่ามันเป็นเรื่องของการเสียรู้มากกว่า
หลัง ๆ มาข้าพเจ้าเวลาจะไปอยู่แทนที่ไหน
ก็ต้องตกลงกันก่อนว่า
รับเงินหลังเลิกงานนะ
ไม่ใช่งก ไม่ใช่โลภ
แต่ป้องกันการโกง
ซึ่งการป้องกันการโกงนี่ มันเป็นการป้องกันไม่ให้เขามาก่อกรรมทำชั่วกับข้าพเจ้าด้วย
เพราะข้าพเจ้าไม่อยากไปเป็นเจ้ากรรมนายเวรใคร
เรียกง่าย ๆ คือ กูไม่อยากเกิดมาเจอมึงอีกแล้ว ว่างั้นเหอะ
ทุกคนทำงานก็ต้องได้ผลตอบแทนตามอัตภาพ
ถ้าไม่ให้หลังเลิกงานก็ไม่ต้องไปทำ
คลินิกทำฟันเยอะแยะในประเทศนี้
ที่ต้องการหมอไปอยู่แทนในบางวันหรือหลาย ๆ วัน
เรื่องเหล่านี้เราต้องกล้าพูดกับเจ้าของร้าน
กล้าตกลงกันให้เรียบร้อย
บางคนหงิม หรือกระดาก ไม่ต้องกระดากในสิ่งที่ไม่ควรกระดาก
เพราะถ้าไม่พูด
มันจะเสียทั้งแรง ทั้งเงิน และเสียใจ
พลอยทำให้รู้สึกหมดความศรัทธาในคุณค่าความเป็นมนุษย์อีกเสียด้วย
แล้วบางแห่งบางร้าน
เจ้าของร้านบางคนจะดัดจริตนิดหน่อย
(ความจริงก็ไม่นิดหรอก มันเทียบชั้นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเลยก็ว่าได้)
พูดถึงเรื่องเงินเป็นไม่ได้
ประมาณว่า
"อย่าพูดเรื่องเงินเลยมันหยาบคาย"
"เราให้กันอยู่แล้วแหละ ไม่โกงหรอก"
ไอ้ประเภทนี้แหละตัวดี ตัวขี้โกง
พึงระวัง
คือ ถ้ามันหยาบคายมาก
แล้วมึงเก็บเงินคนไข้ทำเตี่ยอะไรวะ
แล้วที่มึงเอามาสะสม เอามาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค เอามาปรนเปรอกามราคะทั้งหลายนี่
มันไม่ใช่เงินหรอกหรือ
คือถ้าคิดว่ามันเป็นความหยาบคาย เป็นของหยาบคาย
ก็แปลว่ามึงนั้นชื่นชอบความหยาบคายล่ะสิ
สะสมความหยาบคาย ใช้จ่ายความหยาบคาย ปรนเปรอบำรุงบำเรอตน
กินผลิตผลของความหยาบคาย กระนั้นหรือ
แล้วยิ่งกว่านั้นมันก็หยาบคายกันทั้งโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลของมึงด้วย
เพราะเงินทั้งหมดที่มึงหามานั้นมันเลี้ยงมึงทั้งโคตร ลูกเมียพี่น้องของมึง
พ่อแม่มึงในหลุมศพ มึงก็เอาความหยาบคายแลกเปลี่ยนปันส่ง
อ้างเป็นบุญเป็นกุศลไปให้เขาอย่างนั้นหรอกเหรอ
อีกคลินิกหนึ่งที่เจอ
ก็มีลักษณะโกง
คือตอนแรกก็สัญญากันว่าจะให้เงินประกันเท่านั้นเท่านี้
พอทำมาทำไปคนไข้น้อย
(เพราะมันมีปัจจัยอื่นที่ส่งเสริมให้เกิดความล้มเหลวอยู่ในคลินิกของมันมากต่อมาก)
อยู่ดี ๆ ก็มาลดเงินประกันเสียดื้อ ๆ โดยการเอาสีข้างเข้าแถอย่างนี้ก็มี
จะบอกจะแจ้งเพื่อแก้ไขตกลงกันก่อนสักหน่อยก็หาไม่
บางคนมันไม่ได้ด้วยเล่ห์มันก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์มันก็ขู่ก็ข่มเหงรังแกเอากะเรา
เพราะเงินอยู่ในมือมันนี่
เจ้าของร้านบางคนมันก็บอก
ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมานี้เป็นต้นไป
จะเอา ๓๐ หารจำนวนเงินประกันทั้งเดือนนะ
ไม่ใช่หารด้วยจำนวนวันตามจริง
ดื้อ ๆ อย่างนี้ก็มี
พอเราบอกว่า ขอเป็นเดือนหน้าได้ไหมครับ
เพราะเป็นข้อตกลงใหม่ก็น่าจะต้องใช้ในเดือนถัดไป
เขาก็เป็นเดือดเป็นแค้น
พูดกระแทกแดกดัน
"คุณไม่ต้องมาพูดอย่างนี้ ที่ผ่านมาคุณก็ได้ไปเยอะแล้ว"
แหม
ไอ้เปรตแหกนรก
ช่างกล้าคิดกล้าพูดออกมาได้
เรื่องเอาเปรียบผู้อื่นนี่มึงถนัดเสียจริงนะ
บางครั้งก็โกงเล็กโกงน้อย
แกล้งคิดเงินผิดมั่ง
แกล้งหักค่าโน่นค่านี่มั่ง
หาเหตุผลว่าหมอไม่ทำงานบางอย่างมั่ง
ทั้งที่มันไม่มีงานจะให้ทำ
หรือมันมีงานให้ทำ
แต่อุปกรณ์โกโรโกโส (เดี๋ยวจะว่าด้วยเรื่องอุปกรณ์โกโรโกโสกันในภาคต่อไป)
ใครจะไปเอาชีวิตเขาเข้าเสี่ยง
เพราะมันไม่ได้หมายถึงชีวิตชีวิตเดียว
คือไม่ได้หมายถึงแต่ชีวิตคนไข้ที่ต้องเสี่ยง
มันหมายถึงชีวิตหมอด้วย
ดังนั้น
คลินิกที่มีแนวโน้มจะล้มเหลว
นอกจากทันตแพทย์จะต้องรู้
เจ้าของกิจการต้องเรียนรู้ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้แล้ว
คนไข้ก็ต้องรู้ด้วย
เพราะคลินิกที่มีการกระทำโน้มเอียงไปในทางล้มเหลว
ก็คือคลินิกทันตกรรมชั้นเลว
(แม้ว่าในหลักฐานทางราชการจะเขียนว่า คลินิกทันตกรรมชั้น ๑ ก็ตาม)
แน่นอนว่า
มันมีมาตรฐานควบคุมกำกับอยู่
แต่ถามว่า
คนคุมมาตรฐานนั้นคือใคร
คนตรวจคือใคร
คลินิกบางที่เปิดมานาน
สั่งสมอำนาจวาสนาบารมีมานาน
จน สสจ. ยังคร้ามเกรงไม่กล้าตรวจ
แล้วความมีมาตรฐานมันจะอยู่ที่ไหน
ถ้ามันทำคลินิกด้วยความโลภเต็มหัวใจ
แล้วไม่ต้องสงสัยว่ามันจะดีต่อผู้ใช้บริการ
ขนาดเพื่อนร่วมวิชาชีพคนทำงานร่วมกันแท้ ๆ มันยังโกงได้
มันจะไม่โกงคุณล่ะหรือครับ คุณคนไข้
เจ้าของร้านบางคนมันก๋ากั่น
มันแก่มันเฒ่ามันเจ้าเล่ห์
ยิ่งหัวหงอกกิเลสยิ่งพอกพูน
บางครั้งมันก็บอกว่า
"โอ๊ย! เรื่องเงินทองเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ ผมไม่โกงคุณหรอก
ขอกันกินมากกว่านี้ อย่าเอามาพูดเลย"
อันนี้ในกรณีที่เราจับได้ว่ามันโกง คือไม่ยุติธรรม
แหงแซะ
เล็ก ๆ น้อย ๆ มึงไม่โกงหรอก
สิบบาทยี่สิบบาทมึงไม่โกง
น้ำหน้าหนาด้านอย่างมึงจะโกงที ต้องโกงเป็นพัน เป็นหมื่น
ไอ้สลัด
คลินิกดังว่านี้
มักจะต้องประกาศหาหมอบ่อย ๆ
บางครั้งเอาวงเงินมาล่อ
สังเกตได้เลย
เพราะคนเขารู้กันทั่ววงการ
ไม่มีใครจะไปทำงานกับมันแล้ว
นอกจากบางคนหลงไปเพราะไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีเท่านั้น
วงการทันตแพทย์นี่มันใหญ่ซะเมื่อไหร่
ที่ไหนดีที่ไหนไม่ดีเขาก็รู้กันหมด
แล้วบางคนที่ยังทำอยู่ที่คลินิกดังกล่าว
ก็เป็นเพราะว่า ยังหาที่ใหม่ไม่ได้เท่านั้นเอง
พอมีที่ไป
ก็ไม่มีใครอยู่ด้วย
ต้องโดดเดี่ยวโดยลำพังตราบจนสิ้นลมหายใจนั่นแหละ
อันนี้คือการบริหารคลินิกทำฟันให้ล้มเหลว
ความจริงเรื่องการโกงคนไข้นี้
มีหลายแง่มุมหลายกรณีมาก
เอาไว้ว่าง ๆ
จะได้เล่า
คราวนี้เอาเฉพาะเรื่องโกงค่าจ้างหมอด้วยกันไปก่อน
พอเป็นออร์เดิร์ฟ เรียกน้ำย่อย
เอวัง
ดิษฐ์ จรัส
๒๒ เมษายน ๒๕๕๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น