"ยี่สิบเจ็ดปีแห่งความโดดเดี่ยว 1"
หลังจากได้รับรู้ความจริงอะไรบางอย่าง
บวกกับความหลัง
และอดีตอันน่าหวาดเสียว
ข้าพเจ้า
ได้เดินทางไป
ณ สถานที่
ที่เคยใช้ชีวิต
ก่อนออกเดินทาง
ไม้แขวนเสื้อเกี่ยวมือ
หลังมือ
เป็นแผลยาว
รูปร่างเหมือนดาวหางตอนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
เดินไปถึงศูนย์หนังสือจุฬาฯ ตอนสามทุ่มครึ่ง
ไม่มีใคร
มันปิดไปแล้ว
นัดกับใครสักคนไว้ที่นี่
แต่มันปิดไปแล้ว
มองเข้าไปข้างใน
เผื่อว่าเธออาจจะยังคงอยู่
อยู่หรือเปล่า
ข้าพเจ้าถามไปที่บานประตู
ยังอยู่หรือเปล่า
ไม่มีเสียงตอบรับ
กวาดสายตาดูหนังสือขายดี
และหนังสือใหม่
ที่เขาวางไว้ในกระจก
เดินลงไปข้างล่าง
นัดเอาไว้ว่า
หากไม่เจอที่ศูนย์หนังสือ
เราอาจจะเจอกันที่นี่
มีนิสิตหญิงนั่งอ่านหนังสือกันอยู่สองสามคน
ข้าพเจ้าเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
ว่า
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลสอบ
ความจริงข้าพเจ้าควรระลึกได้
ข้าพเจ้าสอบในเวลาอย่างนี้มานานกี่ปี
รู้สึกเหนื่อยกับปัญหาจุกจิก
ที่ไร้สาระ
ที่มันไม่ได้สลักสำคัญ
ที่มันเหมือนรอยแผลรูปดาวหางบนหลังมือ
ที่มันเจ็บนิด ๆ
และสร้างความรำคาญแก่สายตา
นั่งอยู่ใต้ศูนย์หนังสือ
มอง
เห็นตู้เอทีเอ็ม
แต่ก่อนตู้เอทีเอ็มมีตู้เดียว
ตอนนี้มันมีรอบเสา
นึกอยากเดินไปที่หอพัก
ที่ครั้งหนึ่งเคยพัก
อยากเดินไปในเส้นทางเดิน
เส้นเดิม ๆ
ที่เดินมานาน
ที่คุ้ยเคย
ที่เดินง่าย
ที่ไม่หลง
ที่ไม่ต้องกลัวอันตราย
แม้มันจะมืด
ออกเดิน
ฝนตกฝอย ๆ
มันเม็ดเล็กว่าตกปรอย ๆ
มันเป็นเหมือนละอองอะไรสักอย่าง
กระทบหน้า
และแขน
และเสื้อ
และความรู้สึก
ไม่ได้ชอบฝนตกใส่หน้า
เพราะรำคาญ
ใส่แว่น
มันรำคาญ
มีร่ม
แต่ไม่กางร่ม
ไม่อยากกาง
อยากให้มันตกใส่หน้า
อยากรำคาญ
อยากรู้ว่า
ถ้ามันรำคาญมาก ๆ
มันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
เดินไปท่ามกลางความมืด
และแสงไฟสลัว
คิดถึงอดีต
เคยเดินอย่างนี้ตอนดึก ๆ อย่างนี้
แต่มันไม่เหมือนอย่างนี้
เจอป้อมตำรวจ
ไม่มีตำรวจ
ป้อมใหญ่มาก
ใหญ่กว่าสมัยก่อน
ต่อไป
ป้อมตำรวจคง
ยาวเลยไปถึงหน้าอุเทนถวาย
มีนิสิตหญิงชายเดินผ่านหน้ามา
เคยเดินหลงอยู่แถวนี้สมัยก่อน
สมัยมาที่นี่ใหม่ ๆ
กับเพื่อน
ปรัชญา
มันตลกดี
ตลกตรงที่
เราไม่รู้อะไรกันเลย
ไม่เคยอยากมาเรียนที่นี่
ไม่เคยคิด
ไม่เคยฝัน
ไม่อยู่ในความปรารถนา
ไม่อยู่ในสายตา
ไม่อยู่ในอะไรทั้งนั้น
ไม่รู้ถึงคุณค่า
ไม่รู่้อะไรทั้งสิ้น
เสียใจเสียอีก
ที่ได้มา
ที่เสือกมาอยู่
เสียใจตั้งแต่แรกรับรู้ว่าสอบได้
รอข้ามถนน
ถนนที่เคยข้ามประจำ
นึกถึงคนโดนยิง
หน้าอุเทนถวาย
มีคนยิงกันบ่อยสมัยก่อน
หลายคนชอบเดินเลี่ยงไป
ฝั่งสมาคมนิสิตเก่า
แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเดินเลี่ยง
และไม่เคยโดนยิง
บางคนโดนลูกหลง
ตรงทางม้าลายมีไฟแดงให้คนข้าม
แต่มันเสีย
มันคงเสียมานาน
ถึงมันไม่เสีย
ก็ไม่มีรถคันไหนหยุดให้ใครข้าม
พวกเขาคงรีบ
ไปตาย
แม่มันจะตาย
พ่อมันป่วย
เมียมันจะออกลูก
มันรีบกลับบ้าน
รีบไปหาชู้
หรืออื่น ๆ
เดินผ่านป้ายรถเมล์
เห็นตัวเองนั่งอยู่
เพื่อส่งเพื่อนขึ้นรถเมล์
แล้วเห็นตัวเองเดินเข้าหอพัก
เดินตามไป
ไหว้เจ้าที่
เห็นเจ้าที่ยิ้มให้
ปกติไม่เคยยิ้ม
แท้แล้ว
ปกติไม่เคยเห็น
วันนี้เห็น
บรรยากาศในหอพักยังเหมือนเดิม
อยากกลับมาอยู่ที่นี่
มันมีต้นไม้
มันร่มรื่น
มันรู้สึกว่า
ไม่เหมือนอยู่กรุงเทพฯ
เดินตากฝนไปเรื่อย ๆ
ผ่านใต้หอชาย
ผ่านบริเวณที่มีคนกระโดดจากตึกลงมาตาย
ผ่านหลังหอพัก
ม้าหินอ่อนตัวเดิม
รอยบิ่นที่เดิม
มันไม่เคยถูกย้ายเลยหรือ
มันหนักเกินคนขี้เกียจจะยกย้าย
หลังหอพักเปลี่ยนไป
เป็นร้านซักรีด
เป็นห้องถ่ายเอกสาร
ที่ย้ายมาจากใต้ตึกชวนชม
ได้ข่าวว่าตึกชวนชมจะโดนทุบ
เพื่อสร้างตึกใหม่
ผ่านมา
ก็เห็นตึกชวนชมไร้ซึ่งแสงไฟ
ถ้ามีคนอยู่มันน่าจะมีแสงไฟบ้าง
โดยเฉพาะช่วงสอบอย่างนี้
เดินผ่านข้าง ๆ เรือนไทย
เดี๋ยวนี้ทางเดินสร้างอย่างดี
ปูตัวหนอน
พอถึงระยะตรงกลาง
ตัวหนอนเปลี่ยนไป
อาจงบหมด
หรืออาจจะเป็นการออกแบบของเขา
เดินต่อไปอีก
ตัวหนอนแบบเดิมกลับมา
ตรงนี้
แต่ก่อนเป็นทางเดิน
ที่สร้างกันขึ้นมาเอง
มีต้นไทรต้นใหญ่
ตอนนี้ต้นไทรไม่อยู่แล้ว
กอไผ่ก็ไม่ส่งใบมาปัดหูปัดหัวเหมือนแต่ก่อน
เคยมีป้ายห้ามผ่าน
แต่ไม่สำเร็จ
เพราะถ้าไม่ผ่านตรงนี้
จะผ่านตรงไหน
ใคร ๆ ไปกินข้าวตลาดสวนหลวง
ก็ต้องผ่านทางนี้ทั้งนั้น
ป้ายห้ามผ่านถูกทำลาย
เคยมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งตกลงไปในสระน้ำข้าง ๆ ทางเดินด้วย
ทางเดินนี้
ความจริงมันเหมือนขอบสระของเรืือนไทย
เดินไม่ระวังก็ตกได้
เป็นทางเดินที่แคบมาก
หมาสวนกันยังไม่ได้
เวลาเดินต้องดูดี ๆ
ว่ามีใครเดินมาหรือเปล่า
ถ้ามีต้องให้เขาเดินมาก่อน
หรือไปหลบ ๆ กันตรงกลางทางเดิน
ซึ่งเป็นเนินดินสูงขึ้นไป
ทิวฟ้า ทัดตะวัน
24 09 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น