เมื่อคืนฝันไป
ฝันว่าขึ้นรถไม่ทัน
รถออกก่อน
เป็นรถทัวร์
ก็เลยเอาตั๋วไปโวยวาย
ว่าเนี่ย รถมันออกก่อนเวลา
และความจริงข้าพเจ้าก็มาก่อนเวลาแล้วด้วย
พอไปขึ้นรถ
รถมันพาวิ่งวนเป็นวงกลม
บอกว่า
กำลังทดสอบรถ
พอวิ่งวนเสร็จ
ทุกคนก็ลงจากรถ
และพอไปขึ้นรถใหม่
ขึ้นไม่ทันซะงั้น
อันนี้ก็ฝันไป
รำคาญผมมาหลายวัน
ว่าจะไปตัดผม
ก็ขี้เกียจเดินอีกนั่นแหละ
การตัดผมนี่สมัยก่อน
แถว ๆ บ้านข้าพเจ้าจะจ้างให้ช่างมาตัดผมที่บ้าน
โดยเฉพาะคนแก่ คือยาย และบรรดาญาติโกโหติกาทั้งหลาย
ที่แก่แล้ว
ก็จ้างช่างมาตัดผม
จะมีช่างอยู่ไม่กี่คนที่รับจ้างมาตัดตามบ้านอย่างนี้
และทรงผมที่ตัดก็มีไม่กี่ทรง
ไอ้ทรงผมนี่มันเป็นเรื่องว่า
ถ้าถูกใจแล้วจะไม่อยากเปลี่ยน
อยากจะตัดทรงนั้นไปตลอด
เหมือนช่างตัดผม
ถ้าเราชอบตัดผมกับช่างคนไหน
คือ ช่างคนไหนมันตัดถูกใจเรา
เราก็ไม่อยากเปลี่ยน
อยากจะตัดกับช่างคนนั้นไปตลอด
วกเข้ามาเรื่องทำฟันก็เหมือนกัน
เวลาเราไปทำฟันกับใคร
แล้วเราชอบใจหมอคนนั้น
เราก็มักจะไปทำกับหมอคนนั้นตลอด
ไม่ค่อยชอบเปลี่ยน
แต่คนไทยมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง
คือไม่ชอบไปตรวจสุขภาพประจำปี
ฟันเป็นส่ิงที่ต้องตรวจทุกหกเดือน
บางคนเป็นเอามากก็สามเดือน
หรือเป็นเอาน้อยก็หนึ่งปี
ก็ว่ากันไป
แต่ไม่ควรจะเกินสองปี
ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะพบว่า
ค่าใช้จ่ายในการทำฟัน
มากกว่าค่าใช้จ่ายอย่างอื่นรวมกันเกือบสามเดือน
ข้าพเจ้าไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่มันต้องอิดหนาระอาใจ
หรือเรื่องที่มันต้องทำให้ชีวิตหดหู่
แต่บางครั้ง
ความหดหู่ก็เขามามีบทบาทในชีวิตอย่างช่วยไม่ได้
บางครั้งคนเราก็เป็นบ้าเป็นหลังกับสิ่งที่ไร้สาระประโยชน์
และเสียเวลาไปในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์
เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่าง
หรือเพียงเพราะคิดว่า
ถ้าทำอย่างนี้แล้ว
ชีวิตจิตใจจะสบายขึ้น
หรือจะลืม ๆ อะไรมันลงไปเสียได้
ทั้งที่ความเป็นจริง
นอกจากจะไม่เป็นการแก้ปัญหาแล้ว
มันยังกลับเพิ่มปัญหา
เพิ่มความวิตกจริต
เพิ่มความเป็นบ้าในตัวเองมากยิ่งขึ้น
ทำให้ต้องไปพัวพัน เกี่ยวพัน เกี่ยวข้อง
กับสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดทั้งมวล
มันเกิดจากตัวของตัวเองทั้งหมด
แล้วเที่ยวโทษกล่าวว่า
มันเนื่องมาจากคนอื่น
เรื่องทุกอย่างมันก็เกิดมาจากตัวเอง
คิดเอง
บ้าเอง
แล้วก็ทุกข์เอง
เราจะไปอะไรกับมันนักหนา
ถ้าเราเชื่อว่านี่คือผลแห่งการกระทำในอดีต
เรียกว่า ผลของกรรม
ถ้าเราเคยทำไว้
เราก็รับ
มันก็เท่านั้น
แต่ถ้าเราไม่รับ
เดี๋ยวมันก็เข้ามาอีก
ไม่ในรูปแบบใดก็แบบหนึ่ง
ไม่เข้ามากับคนนี้ก็เข้ามากับคนนั้น
เป็นเรื่องที่เกิดเพราะทำเอาไว้เอง
การยอมรับย่อมจะทำให้กรรมนั้นมันหยุด
คือหยุดที่ตัวเรา
การที่ตัวเราไม่หยุด
ไปคิดว่า
มันทำกู เดี๋ยวกูเอาคืนมันมั่ง
ก็เป็นการต่อกรรม
เป็นการสร้างกรรมใหม่ไม่สิ้นสุด
ดังนั้นความหยุดจึงเป็นที่สุด
ความหยุดนี้เรียกกันหลายชื่อหลายแบบตามสภาวะ
สติ บ้าง
อภัย บ้าง
สันติ บ้าง
เป็นกลาง บ้าง
นิพพาน บ้าง
มันต่างกันตรงสภาวะ
แต่มันเป็นไปในทางเดียวกัน
คือ ความหยุด
เราต้องรู้จักความหยุด
แล้วชีวิตมันถึงจะไปต่อ
ไม่หยุด
มันก็โง่งมงายอยู่อย่างนั้น
แล้วก็เจ็บช้ำอยู่อย่างนั้น
เป็นบ้าอยู่่อย่างนั้น
เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น
แล้วไม่มีใครทุกข์ด้วย
ทุกข์ที่สุดคือ ตัวเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
10 08 2554
http://artyhouse.blogspot.com
1 ความคิดเห็น:
สา...ธุ
^^
แสดงความคิดเห็น