ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

Yesterday Once More : ชิงช้าสวรรค์


ความจริงข้าพเจ้าไม่ได้ชื่นชอบชิงช้าสวรรค์อะไรมากมายนัก

เพียงแต่ว่า

มันทำให้้ข้าพเจ้าระลึกถึงความหลัง

เมื่อครั้งยังเด็ก

มีงานวัด

ข้าพเจ้าก็มักจะไปงานวัดกับครอบครัว

ส่วนมากข้าพเจ้ามักจะไปตอนกลางวัน

หรือไม่ก็ตอนหัวค่ำ

ข้าพเจ้าไม่ได้ไปตอนดึก ๆ

ความจริงข้าพเจ้าก็เคยไปตอนดึก ๆ

แต่มันมีเหตุผลว่าทำไมข้าพเจ้าไม่ได้ไป



วกกลับมาเรื่องชิงช้าสวรรค์ก่อน

สมัยก่อนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก

งานวัดคืองานวัดจริง ๆ

ไม่ใช่งานวัดจำลองอย่างเช่นทุกวันนี้

และหนุ่มสาวก็ไปงานวัดกัน

ข้าพเจ้าไปงานวัดกับพ่อแม่

พ่อพาข้าพเจ้าขึ้นชิงช้าสวรรค์

ข้าพเจ้ากลัวมากและร้องไห้

ปกติข้าพเจ้าก็เป็นเด็กที่ชอบร้องไห้เสมอ ๆ

และขี้กลัว

แต่บางสิ่งที่คนทั่วไปกลัว บางครั้ง ข้าพเจ้ากลับไม่กลัว

ข้าพเจ้ามักจะกลัวในส่ิงที่ไม่มีเหตุผล

ทุกคนต่างมาให้กำลังใจในการขึ้นชิงช้าสวรรค์ครั้งแรก

ตอนนั้นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

และตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

นอกจากภาพของชิงช้าสวรรค์ข้างโบสถ์

และภาพที่มองลงมาเบื้องล่่างบนชิงช้าสวรรค์ที่แกว่งไปแกว่งมา

มันเป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้าเสมอมา

เช่นเดียวกับความทรงจำเกี่ยวกับศูนย์เด็กเล็ก

ความทรงจำเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล

คลินิกหมอที่มีรูป ปุ๋ย ภรทิพย์ และมีแมว

โรงเรียนประถม

มัธยม

และอื่น ๆ

มันนานมาก

แต่แปลกที่มันอยู่ในความทรงจำ

ข้าพเจ้าเคยเอาสมุดบันทึกเก่า ๆ มานั่งอ่าน

บางเรื่องราวยังแทบจำไม่ได้

ว่าเราเคยไปทำอย่างนั้นและรู้สึกอย่างนั้น

แรก ๆ ของการบันทึก

ข้าพเจ้าไม่ค่อยบันทึกความรู้สึกลงไปมากนัก

หลัง ๆ มักจะเป็นสมุดบันทึกที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเสียมากกว่า



เห็นชิงช้าสวรรค์ที่ไหน

ข้าพเจ้ามักอยากจะเข้าไปใกล้

และอยากจะขึ้นไปนั่งชิงช้าสวรรค์ทุก ๆ ครั้ง

แม้บางครั้งก็ไม่สมหวังนัก



เป็นเรื่องแปลกที่ว่า ข้าพเจ้าชอบชิงช้าสวรรค์

อยากนั่งชิงช้าสวรรค์

เพียงเพราะข้าพเจ้ามีความทรงจำเกี่ยวกับชิงช้าสวรรค์

ในวัยเด็ก เท่่านั้นหรือเปล่า



ตอนเป็นเด็กข้าพเจ้าไม่ชอบดูมหรสพ

ที่บ้านข้าพเจ้าชอบพาข้าพเจ้าไปเสมอ

ข้าพเจ้าจำได้ว่า

ข้าพเจ้ามักจะหลับเสมอเมื่อไปดูหนังกลางแปลง

หรือไปดูการแสดงอะไรก็ตามแต่ที่มันเป็นมหรสพ

ข้าพเจ้ามักจะต้องถูกอุ้มกลับมาที่บ้าน

เพราะข้าพเจ้าหลับ

ข้าพเจ้ายังจำความรู้สึกที่ถูกวางลงบนที่นอนเมื่อมาถึงบ้านได้

มันแปลกอย่างหนึ่ง

เวลาที่ถูกอุ้มระหว่างทาง

บางครั้งก็หลับบ้าง ตื่นบ้าง

แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กลับตื่นทุกครั้ง

ถ้าข้าพเจ้าไม่หลับ

พ่อของข้าพเจ้าก็มักให้ข้าพเจ้าขี่คอ

บางครั้งก็ขี่หลัง

ท่ามกลางความมืด

ข้าพเจ้าก็มักกลัวว่าจะมีอะไรมาดึงจากข้างหลังเสมอ

ดังนั้น

ข้าพเจ้ามักจะให้พ่อพาไปเดินอยู่ข้างหน้า

อย่างน้อย

ข้างหลังก็ยังมีคนจะถูกดึงไปก่อน หากมีอะไรที่มันสามารถดึงเราไปได้จริง ๆ

เป็นความคิดแบบเด็ก ๆ

เด็ก ๆ มักจะเห็นแก่ตัว

จนกว่าจะถูกสอนหรือเข้าใจได้ว่า

ต้องเป็นผู้รู้จักให้

ก็นาน



หลังจากกลับจากการดูมหรสพ

ข้าพเจ้ามักจะเป็นไข้เสมอ

จนพักหลัง ๆ ที่บ้านไม่พาข้าพเจ้าไปด้วยเวลาไปดูมหรสพ

ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากไป

ข้าพเจ้าไม่ชอบมหรสพ

มันเป็นนิสัยของข้าพเจ้าที่ติดมาตั้งแต่ชาติก่อน

การที่ข้าพเจ้าป่วยไข้เป็นอุบายปฏิเสธทางกายของข้าพเจ้าในช่วงชีวิตที่ข้าพเจ้าดูแลตัวเองไม่ได้ มันพยายามที่จะไม่ให้ข้าพเจ้าไปโดยแสดงให้ทุกคนรู้โดยนัย ซึ่งมันก็ได้ผล

เมื่อข้าพเจ้าโตพอที่จะปฏิเสธและอยู่บ้านได้โดยลำพัง

ข้าพเจ้าก็จะอยู่ที่บ้าน

ข้าพเจ้ามีความสุขที่จะอยู่บ้าน

การอยู่คนเดียวเป็นความสุขของข้าพเจ้า

มีอะไรเยอะแยะที่จะให้ทำ

และมีอะไรเยอะแยะที่จะต้องคิด

เวลาที่เราอยู่คนเดียว

เรามักจะได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง

จนบางครั้งสงสัยว่า มันมาจากไหน

และคนอื่นจะคิดว่าเราเป็นเราเหมือนข้าพเจ้าหรือไม่

แล้วถ้าเราตายแล้วเราจะยังรู้ตัวว่าเป็นเราอยู่หรือเปล่า

เราตายแล้วจะไปไหน

และแท้จริงเรามาจากไหน

เราจะหายไปได้หรือไม่

แล้วคนอื่นมาจากไหนกัน

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยถามใคร



ข้าพเจ้าชอบฟังเสียงความคิดของตัวเอง

มากกว่าที่จะฟังเสียงความคิดของคนอื่น

แต่ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าปฏิเสธความคิดเห็นของคนอื่น

แค่ข้าพเจ้ารำคาญที่ต้องมีเสียงอะไรดังรบกวนความเงียบ

ข้าพเจ้าชอบอยู่กับความเงียบ

ที่คอนโดชั้น 27 ของข้าพเจ้าก็เป็นห้องที่เงียบมาก



ข้าพเจ้าไม่่ค่อยชอบดูหนังหรือโทรทัศน์

ความจริงตอนเป็นเด็กข้าพเจ้าก็ชอบดูโทรทัศน์

และบางครั้งก็นึกอยากสายตาสั้นบ้างอะไรบ้าง

อยากใส่แว่น

ก็เลยจ้องโทรทัศน์ใกล้ ๆ

ทั้งที่ความจริงแล้วหารู้ไม่ว่า

การใส่แว่นนั้นเป็นความทุกข์ทรมานของชีวิตอย่างยิ่ง

ข้าพเจ้าเลิกชอบดูโทรทัศน์หลังจากที่ข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือ

ข้าพเจ้ารู้สึกว่า หนังสือมีความน่าสนใจกว่าโทรทัศน์มาก

และหนังสือเหมาะสมกับนิสัยของข้าพเจ้า

คือชอบอยู่เงียบ ๆ

หนังสือไม่ส่งเสียงดัง

แต่ทว่าขับกล่อม

หนังสือไม่หนวกหู

แต่ทว่าแจ่มชัด

หนังสือไม่มีภาพ

แต่เต็มไปด้วยภาพ

ความจริงจะว่าข้าพเจ้าไม่ชอบดูโทรทัศน์ก็ไม่เชิง

ข้าพเจ้าชอบบางเรื่อง

บางอย่าง

และถ้าข้าพเจ้าชอบ

ข้าพเจ้าก็จะชอบโดยที่ไม่เลิกชอบ

ข้าพเจ้าจะชอบมันอยู่อย่างนั้น

อยู่กับมันอย่างนั้น

ใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวี่ทั้งวัน

โดยไม่ต้องกินข้าวกินน้ำเลยก็ได้

ปกติข้าพเจ้าชอบดูการ์ตูน

มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและไม่อาจคาดเดา

การ์ตูนจะทำอะไรก็ได้ที่ผิดวิสัยมนุษย์มนา

นี่อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ามักจะคิดอะไรแปลก ๆ

ผิดมนุษย์มนา

บางคนก็บอกว่า คิดเป็นการ์ตูนไปได้

รองลงมาข้าพเจ้าชอบดูตลก

ตลกเป็นอะไรที่สร้างสรรค์

มันเป็นอะไรที่แตกต่าง

หรือเป็นแง่มุมที่เรามองไม่เห็น นึกไม่ทัน

หรือมองข้าม

และถ้ามีการ์ตูนที่มันตลก ข้าพเจ้าก็จะชอบมากเป็นพิเศษ



ความแก่มาเยือนข้าพเจ้าตั้งแต่เด็ก ๆ

ข้าพเจ้าชอบคิดใคร่ครวญถึงอดีต

และมักจะอยู่กับมันนาน ๆ

ไม่น่าเชื่อว่า

ชีวิตของเรา

ยังไม่ได้หายไปจากโลกนี้

และไม่น่าเชื่อ

ชีวิตจะดำเนินมาแบบนี้

แบบที่เราคิดฝันบ้าง

แต่ไม่คิดว่า

จะเป็นจริง

แด่ความฝันที่เป็นจริง

แด่พ่อและแม่ของข้าพเจ้า

ผู้ไม่เคยตีกรอบ

ผู้ตามใจข้าพเจ้า

แด่ยาย

หากวันนี้ข้าพเจ้าตายไป

ข้าพเจ้าไม่คิดว่า

ข้าพเจ้าจะเสียใจที่ได้เกิดมา

แด่ชีวิตที่เลือกแล้ว



ธัชชัย ธัญญาวัลย
และเด็กชายอาทิตย์ คำวงษา

11 03 2554




ไม่มีความคิดเห็น: