เพียงแต่ว่า
มันทำให้้ข้าพเจ้าระลึกถึงความหลัง
เมื่อครั้งยังเด็ก
มีงานวัด
ข้าพเจ้าก็มักจะไปงานวัดกับครอบครัว
ส่วนมากข้าพเจ้ามักจะไปตอนกลางวัน
หรือไม่ก็ตอนหัวค่ำ
ข้าพเจ้าไม่ได้ไปตอนดึก ๆ
ความจริงข้าพเจ้าก็เคยไปตอนดึก ๆ
แต่มันมีเหตุผลว่าทำไมข้าพเจ้าไม่ได้ไป
วกกลับมาเรื่องชิงช้าสวรรค์ก่อน
สมัยก่อนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก
งานวัดคืองานวัดจริง ๆ
ไม่ใช่งานวัดจำลองอย่างเช่นทุกวันนี้
และหนุ่มสาวก็ไปงานวัดกัน
ข้าพเจ้าไปงานวัดกับพ่อแม่
พ่อพาข้าพเจ้าขึ้นชิงช้าสวรรค์
ข้าพเจ้ากลัวมากและร้องไห้
ปกติข้าพเจ้าก็เป็นเด็กที่ชอบร้องไห้เสมอ ๆ
และขี้กลัว
แต่บางสิ่งที่คนทั่วไปกลัว บางครั้ง ข้าพเจ้ากลับไม่กลัว
ข้าพเจ้ามักจะกลัวในส่ิงที่ไม่มีเหตุผล
ทุกคนต่างมาให้กำลังใจในการขึ้นชิงช้าสวรรค์ครั้งแรก
ตอนนั้นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
และตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
นอกจากภาพของชิงช้าสวรรค์ข้างโบสถ์
และภาพที่มองลงมาเบื้องล่่างบนชิงช้าสวรรค์ที่แกว่งไปแกว่งมา
มันเป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้าเสมอมา
เช่นเดียวกับความทรงจำเกี่ยวกับศูนย์เด็กเล็ก
ความทรงจำเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล
คลินิกหมอที่มีรูป ปุ๋ย ภรทิพย์ และมีแมว
โรงเรียนประถม
มัธยม
และอื่น ๆ
มันนานมาก
แต่แปลกที่มันอยู่ในความทรงจำ
ข้าพเจ้าเคยเอาสมุดบันทึกเก่า ๆ มานั่งอ่าน
บางเรื่องราวยังแทบจำไม่ได้
ว่าเราเคยไปทำอย่างนั้นและรู้สึกอย่างนั้น
แรก ๆ ของการบันทึก
ข้าพเจ้าไม่ค่อยบันทึกความรู้สึกลงไปมากนัก
หลัง ๆ มักจะเป็นสมุดบันทึกที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเสียมากกว่า
เห็นชิงช้าสวรรค์ที่ไหน
ข้าพเจ้ามักอยากจะเข้าไปใกล้
และอยากจะขึ้นไปนั่งชิงช้าสวรรค์ทุก ๆ ครั้ง
แม้บางครั้งก็ไม่สมหวังนัก
เป็นเรื่องแปลกที่ว่า ข้าพเจ้าชอบชิงช้าสวรรค์
อยากนั่งชิงช้าสวรรค์
เพียงเพราะข้าพเจ้ามีความทรงจำเกี่ยวกับชิงช้าสวรรค์
ในวัยเด็ก เท่่านั้นหรือเปล่า
ตอนเป็นเด็กข้าพเจ้าไม่ชอบดูมหรสพ
ที่บ้านข้าพเจ้าชอบพาข้าพเจ้าไปเสมอ
ข้าพเจ้าจำได้ว่า
ข้าพเจ้ามักจะหลับเสมอเมื่อไปดูหนังกลางแปลง
หรือไปดูการแสดงอะไรก็ตามแต่ที่มันเป็นมหรสพ
ข้าพเจ้ามักจะต้องถูกอุ้มกลับมาที่บ้าน
เพราะข้าพเจ้าหลับ
ข้าพเจ้ายังจำความรู้สึกที่ถูกวางลงบนที่นอนเมื่อมาถึงบ้านได้
มันแปลกอย่างหนึ่ง
เวลาที่ถูกอุ้มระหว่างทาง
บางครั้งก็หลับบ้าง ตื่นบ้าง
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กลับตื่นทุกครั้ง
ถ้าข้าพเจ้าไม่หลับ
พ่อของข้าพเจ้าก็มักให้ข้าพเจ้าขี่คอ
บางครั้งก็ขี่หลัง
ท่ามกลางความมืด
ข้าพเจ้าก็มักกลัวว่าจะมีอะไรมาดึงจากข้างหลังเสมอ
ดังนั้น
ข้าพเจ้ามักจะให้พ่อพาไปเดินอยู่ข้างหน้า
อย่างน้อย
ข้างหลังก็ยังมีคนจะถูกดึงไปก่อน หากมีอะไรที่มันสามารถดึงเราไปได้จริง ๆ
เป็นความคิดแบบเด็ก ๆ
เด็ก ๆ มักจะเห็นแก่ตัว
จนกว่าจะถูกสอนหรือเข้าใจได้ว่า
ต้องเป็นผู้รู้จักให้
ก็นาน
หลังจากกลับจากการดูมหรสพ
ข้าพเจ้ามักจะเป็นไข้เสมอ
จนพักหลัง ๆ ที่บ้านไม่พาข้าพเจ้าไปด้วยเวลาไปดูมหรสพ
ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากไป
ข้าพเจ้าไม่ชอบมหรสพ
มันเป็นนิสัยของข้าพเจ้าที่ติดมาตั้งแต่ชาติก่อน
การที่ข้าพเจ้าป่วยไข้เป็นอุบายปฏิเสธทางกายของข้าพเจ้าในช่วงชีวิตที่ข้าพเจ้าดูแลตัวเองไม่ได้ มันพยายามที่จะไม่ให้ข้าพเจ้าไปโดยแสดงให้ทุกคนรู้โดยนัย ซึ่งมันก็ได้ผล
เมื่อข้าพเจ้าโตพอที่จะปฏิเสธและอยู่บ้านได้โดยลำพัง
ข้าพเจ้าก็จะอยู่ที่บ้าน
ข้าพเจ้ามีความสุขที่จะอยู่บ้าน
การอยู่คนเดียวเป็นความสุขของข้าพเจ้า
มีอะไรเยอะแยะที่จะให้ทำ
และมีอะไรเยอะแยะที่จะต้องคิด
เวลาที่เราอยู่คนเดียว
เรามักจะได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง
จนบางครั้งสงสัยว่า มันมาจากไหน
และคนอื่นจะคิดว่าเราเป็นเราเหมือนข้าพเจ้าหรือไม่
แล้วถ้าเราตายแล้วเราจะยังรู้ตัวว่าเป็นเราอยู่หรือเปล่า
เราตายแล้วจะไปไหน
และแท้จริงเรามาจากไหน
เราจะหายไปได้หรือไม่
แล้วคนอื่นมาจากไหนกัน
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยถามใคร
ข้าพเจ้าชอบฟังเสียงความคิดของตัวเอง
มากกว่าที่จะฟังเสียงความคิดของคนอื่น
แต่ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าปฏิเสธความคิดเห็นของคนอื่น
แค่ข้าพเจ้ารำคาญที่ต้องมีเสียงอะไรดังรบกวนความเงียบ
ข้าพเจ้าชอบอยู่กับความเงียบ
ที่คอนโดชั้น 27 ของข้าพเจ้าก็เป็นห้องที่เงียบมาก
ข้าพเจ้าไม่่ค่อยชอบดูหนังหรือโทรทัศน์
ความจริงตอนเป็นเด็กข้าพเจ้าก็ชอบดูโทรทัศน์
และบางครั้งก็นึกอยากสายตาสั้นบ้างอะไรบ้าง
อยากใส่แว่น
ก็เลยจ้องโทรทัศน์ใกล้ ๆ
ทั้งที่ความจริงแล้วหารู้ไม่ว่า
การใส่แว่นนั้นเป็นความทุกข์ทรมานของชีวิตอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าเลิกชอบดูโทรทัศน์หลังจากที่ข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือ
ข้าพเจ้ารู้สึกว่า หนังสือมีความน่าสนใจกว่าโทรทัศน์มาก
และหนังสือเหมาะสมกับนิสัยของข้าพเจ้า
คือชอบอยู่เงียบ ๆ
หนังสือไม่ส่งเสียงดัง
แต่ทว่าขับกล่อม
หนังสือไม่หนวกหู
แต่ทว่าแจ่มชัด
หนังสือไม่มีภาพ
แต่เต็มไปด้วยภาพ
ความจริงจะว่าข้าพเจ้าไม่ชอบดูโทรทัศน์ก็ไม่เชิง
ข้าพเจ้าชอบบางเรื่อง
บางอย่าง
และถ้าข้าพเจ้าชอบ
ข้าพเจ้าก็จะชอบโดยที่ไม่เลิกชอบ
ข้าพเจ้าจะชอบมันอยู่อย่างนั้น
อยู่กับมันอย่างนั้น
ใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวี่ทั้งวัน
โดยไม่ต้องกินข้าวกินน้ำเลยก็ได้
ปกติข้าพเจ้าชอบดูการ์ตูน
มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและไม่อาจคาดเดา
การ์ตูนจะทำอะไรก็ได้ที่ผิดวิสัยมนุษย์มนา
นี่อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ามักจะคิดอะไรแปลก ๆ
ผิดมนุษย์มนา
บางคนก็บอกว่า คิดเป็นการ์ตูนไปได้
รองลงมาข้าพเจ้าชอบดูตลก
ตลกเป็นอะไรที่สร้างสรรค์
มันเป็นอะไรที่แตกต่าง
หรือเป็นแง่มุมที่เรามองไม่เห็น นึกไม่ทัน
หรือมองข้าม
และถ้ามีการ์ตูนที่มันตลก ข้าพเจ้าก็จะชอบมากเป็นพิเศษ
ความแก่มาเยือนข้าพเจ้าตั้งแต่เด็ก ๆ
ข้าพเจ้าชอบคิดใคร่ครวญถึงอดีต
และมักจะอยู่กับมันนาน ๆ
ไม่น่าเชื่อว่า
ชีวิตของเรา
ยังไม่ได้หายไปจากโลกนี้
และไม่น่าเชื่อ
ชีวิตจะดำเนินมาแบบนี้
แบบที่เราคิดฝันบ้าง
แต่ไม่คิดว่า
จะเป็นจริง
แด่ความฝันที่เป็นจริง
แด่พ่อและแม่ของข้าพเจ้า
ผู้ไม่เคยตีกรอบ
ผู้ตามใจข้าพเจ้า
แด่ยาย
หากวันนี้ข้าพเจ้าตายไป
ข้าพเจ้าไม่คิดว่า
ข้าพเจ้าจะเสียใจที่ได้เกิดมา
แด่ชีวิตที่เลือกแล้ว
ธัชชัย ธัญญาวัลย
และเด็กชายอาทิตย์ คำวงษา
11 03 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น