เอาหละครับพี่น้อง วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผมพอมีเวลาว่างอยู่บ้าง
แต่ก็นิดเดียว
เดี๋ยวก็จะต้องไปไหนต่อไหนอีกละ
มันไม่ค่อยมีเวลาพักหรอกครับ
ที่จริงอยากนอนและนอน มาก ๆ
แต่ทำไงได้
ที่จริงผมค้นพบมานานแล้วว่า
การนอนมาก ๆ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร
และถ้าเรานอนไปเรื่อย ๆ มันก็จะไปของมันเรื่อย ๆ
คือก็อาจจะแล้วแต่คน บางคนอาจจะนอนมากไม่ได้ นอนไปเรื่อย ๆ แล้วปวดหัว
แต่ผมไม่เป็น ผมนอนไปได้เรื่อย ๆ
มันจะเป็นอย่างนี้
คือ ยิ่งนอนก็ยิ่งเหนื่อยนะครับ
มันจะลุกยากขึ้นไปเรื่อย ๆ
555+
บางครั้งเราอาจจะคิดว่าตัวเองนอนไม่พอขอนอนมาก ๆ ในวันหยุด
แต่ความจริงมันนอนพอแล้วหละครับ
( ผมเมื่อยมือจริง ๆ ตอนนี้ 555+ เพราะเพิ่งพิมพ์ต้นฉบับไป )
เป็นความจริงที่ว่า ขณะที่เรากำลังจะหลับ เป็นช่วงเวลาช่วงสั้น ๆ นั้น
เป็นช่วงที่มีเก็บสะสมพลังเรียบร้อย
ถ้าเราไม่นอนต่อหลังจากนั้น เราก็สามารถลุกขึ้นมาทำงานได้ปกติ เหมือนการนอนพักผ่อนมานาน ๆ เหมือนกัน
อันนี้หลวงพ่อวิริยังค์เล่าให้ฟัง และผมก็พบว่า มันน่าจะเป็นความจริง
พิจารณาจากเวลาอ่านหนังสือสอบ แล้วมันไม่ค่อยได้พัก หรือ ไม่นานมานี้
ความจริงก็คือเมื่อวานนี้แหละครับ
ผมต้องสาธยายเรื่องราวและพูดให้คนคนหนึ่งมาทดลองนั่งสมาธิ
และเชื่อในพระพุทธศาสนาให้ถูกต้อง
ใช้เวลาตั้งแต่เที่ยงคืนกว่า ๆ ไปจนถึงตี 5
จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ และมานั่งสมาธิ ก่อนจะเข้านอน
ปรากฎว่า ตอนเช้าลุกขึ้นมาอาบน้ำไปที่คณะได้ตามปกติ
และนอกจากนี้ผมก็เคยมีประสบการณ์การพักงีบเดียวมาแล้วหลายครั้ง
แม้กระทั่งประสบการณ์ของการไม่นอนก็เคยมาแล้ว
อันนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ดี
แต่มันอาจจะล้าหน่อยเท่านั้น
แต่คิดว่า ถ้ามีการฝึกจิตดี ๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
เท่าที่ทราบมา
หลวงปู่ทั้งหลายที่เป็นพระอริยเจ้า ท่านจะนอนประมาณ 3-4 ชั่วโมง
อย่างหลวงปู่มั่น ท่านจะจำวัดประมาณ 5 ทุ่ม ตื่นตี 3
และจากการสังเกต ผมพบว่า
พระที่ท่านปฏิบัตินั้น จะมีการตื่นนอนประมาณตี 3 กันเป็นปกติ
อันนี้เป็นการสังเกตและรวบรวมข้อมูลของผมเอง
และผมก็เคยตื่นตี 3 มาแล้ว
ได้ผลดีครับ
ทีนี้ข้อที่ต้องแก้ไขก็คือ พยายามนอนเร็ว ๆ หน่อย
พยายามอย่านอนสองกั๊ก
บางคนกลับมาถึงบ้านประมาณ 5 -6 โมงเย็นก็ล้มลงนอน ตื่นขึ้นมาอีกทีประมาณ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน
แล้วมันจะนอนไม่หลับ
ไปอย่างหลับอีกทีประมาณ ตี 4 ตี 5 แล้วก็มาง่วงนอนตอนกลางวัน
อันนี้ไม่สมควรทำครับ
ผมเคยทำมาแล้ว ชีวิตเสียสมดุล ไม่ดี
ถ้ากลับมาถึงบ้านหรือที่พักแล้วง่วงนอน ให้ไปอาบน้ำ แล้วออกจากห้องนอนไปหาอะไรทำซะ
มันจะไม่ง่วงอีก จนกระทั่งประมาณ 3-4 ทุ่ม ถ้าผ่านช่วงง่วงนี้ไปแล้วก็จะไม่ง่วงอีกเช่นกัน
จะไปง่วงอีกทีตอนประมาณ ตี 4-5 อย่างว่า
สมัยผมเป็นเด็กนักเรียน ม.ปลาย ต้องอ่านหนังสือหนักมาก เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ผมค้นพบวงจรพวกนี้
เพื่อน ๆ ชอบมาถามว่าอ่านหนังสืออย่างไรไม่ให้ง่วง
ผมก็บอกไป
และอีกอย่างที่ผมค้นพบว่ามันไม่มีประสิทธิภาพก็คือ การอ่านหนังสือไปแล้วหลับแล้วก็ตื่นมาอ่านต่อ
แล้วก็หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่อย่างนั้น
ไม่เป็นผลดี
ผมเคยลองแล้ว
ถ้าจะให้ดี ง่วงก็นอน นอนให้พอ แล้วมาอ่านจะดีกว่า
ฝึกทำอะไรให้เป็นกิจจะลักษณะ เป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่า ได้ผลกว่าครับพี่น้อง
ทีนี้ผมก็เลยลืมไปแล้วจะพูดเรื่องอะไร เพระฝอยแล้วก็ไหลไปเรื่อย 555+
เดี๋ยวขึ้นหัวข้อใหม่ก็แล้วกัน
ผมลืมไป ผมว่าจะพูดด้วยว่า
ถ้าเราฝืนตัวตื่นมาสักนิด
แล้วไปอาบน้ำตอนเช้า
เราจะหายง่วง แม้เราจะไปด้วยความโงนเงนก็ตาม
คือถ้าเรานอน มันก็จะนอนแช่อยู่นั่นแหละ
พยายามฝืนตัวเองเสียหน่อย
แล้วจะมีเวลามากขึ้นในชีวิตครับ
ธัชชัย ธัญญาวัลย
06/02/2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น