๏ ดึกดื่นแห่งค่ำคืน...ไม่ร้อนไม่หนาว
เมื่อสายฝนเหนื่อยหนักเกินรำร่าย
เจ้าลมพลิ้วก็คร้านจะพัดพราย
จึงความนิ่งพร้อยพร่างพิไลพรม
สัมผัสแผ่วภาพพิภพสงบวิเวก
ณ วากเวิ้งเวียงวุ่นวิวัฒน์ห่ม
ช้าช้าแช่มช้อยชื่น-ชม
ชุบกายใจไว้ละไมละมุน
ประจงเก็บทุกมิติ-ความหมาย
แม้ละอองไออ่อนอ่อนอันค่อนขุ่น
แม้เศษเสี้ยวแห่งจุณวิจุณ
ก็มิให้พรากจากไปเสียสักน้อย
ด้วยหากเช้า...ตะวันฉาย
ลมจะเริ่มโชยมาค่อยค่อย
ฝนจะเริ่มโปรยปรายลงปรอยปรอย
เป็นการเริ่มร้อนหนาวอีกคราวครา
ครั้นเมื่อสาย...
ลมจะโชกโบกโบยดังหนึ่งบ้า
ฝนกระหน่ำซ้ำซัดสาดลงมา
มากมลักเหลือฤทธิ์อิทธิพล
สรรพสิ่งย่อยยับพังทลาย
แหลกเหลวปานธุลีปี้ป่น
ทุรภาวะท่วมท้น
ทบท่าวด่าวดิ้นดับแด ฯ
๏ ค่ำคืนจวนเจียนจะล่วงแล้ว
ปัจจุบันขณะ...อภิรมย์สงบแผ่
มองฟ้าหวังฟ้าสบตาแล
เวลาแล่นช้าช้าล้ำไปร่ำไป ๚ ๛
ทิวฟ้า ทัดตะวัน
พุธ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น