คำว่าสะบัดย่างเดี๋ยวนี้ไม่ใคร่ได้ยินกันแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า เครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ มาแทนที่แรงงานสัตว์เสียสิ้น
คำว่า สะบัดย่าง ใช้แก่ม้า เป็นคำวิเศษ หมายถึงอาการที่ม้าเดินเหยาะย่างอย่างสง่างามพร้อมกับสะบัดหางไปด้วย
ข้าพเจ้าก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เพราะปกติก็ไม่ได้ขี่ม้าหรือมีความสัมพันธ์อะไรกับม้า เคยเห็นแต่ม้าเดินผ่านหน้าบ้านสมัยเมื่อตอนเรียน ม.ปลาย ( ตอนนี้ก็น่าจะยังเดินอยู่ ) สมัยก่อนหน้านี้นานนักแล้ว ทางไปสนามบิน ( จังหวัดอุดรธานี ) เขามีสนามม้า มีแข่งม้า แต่เดี๋ยวนี้เลิกไป ไม่มีแข่งม้าและสนามม้าแล้ว แต่ม้ายังอยู่
ตอนเช้า ๆ เขาจะพาม้าเดินออกกำลังกาย หรือเดินไปอาบน้ำเสียงกุบกับ ๆ บางวันก็ขี่ไปอย่างที่เรียกว่า สะบัดย่าง นั่นแล
ถนนหน้าบ้านจึงได้ชื่อว่า ถนนอัศวมิตร ไปตามเรื่องตามราวของสมัยนั้น
อีกประการหนึ่งที่อยากเล่าถึงเกี่ยวแก่นิทานโบราณคดีเรื่องนี้ ก็คือว่า ในเรื่องมีการกล่าวถึง “เมืองสุพรรณมีต้นตาลน้อยกว่าเมืองเพชรบุรีต้นเดียว” สำหรับต้นตาลนี้ข้าพเจ้าคุ้ยเคยมานาน ตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ที่นาจะมีต้นตาล ออกลูกเมื่อไหร่ยายก็จะออกปากชวนคนที่ปีนต้นตาลเก่ง ๆ ไปเก็บลูกตาล นอกจากชวนคนปีนแล้ว ยังชวนเพื่อนบ้านและวงศาคณาญาติไปจนครบ จำได้ว่าครั้งหนึ่ง กินลูกตาลเข้าไปอย่างหนักจนถ่ายท้อง ( นึกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็สมน้ำหน้าในความตะกละตะกรามของตัวเองนักหนา ) ลูกตาลเป็นอะไรที่หวานอร่อยมาก ยิ่งลูกตาลสุกจะหอมหวนชวนกินอย่าบอกใคร ขนมตาลจึงเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าชอบ เคยเรียนสมัย ม.ต้น ว่า การปลูกตาลสมัยก่อนต้องเสียภาษี ต่อมามีการยกเลิกภาษีต้นตาล คนจึงปลูกตาลเพิ่มขึ้น ก็จะไม่ให้เสียภาษีได้อย่างไรในเมื่อสมัยก่อน เขาปลูกตาลเพื่อทำน้ำตาล และต้นตาล ใบตาลก็สารพัดประโยชน์ และน้ำตาลสมัยก่อนก็เป็นสีน้ำตาลอย่างที่เรียกกัน สมัยนี้น้ำตาลเป็นสีขาว เพราะทำจากอ้อยและฟอกกันจนผ่อง จนมีคำพูดกวน ๆ เกิดขึ้นมาว่า สีน้ำตาลคือสีขาว เพราะคนสมัยใหม่ไม่รู้จักน้ำตาล รู้จักแต่น้ำตาลทรายที่ทำมาจากโรงงาน
พูดถึงเรื่องต้นตาลในนิทานต่อ ในนิทานก็มีเรื่องอยู่ว่า มีชายชาวสุพรรณสองคนไปเมืองเพชรบุรี แล้วก็กินเหล้ากัน พอเมาได้ที่ก็คุยโวโอ้อวดกันไปตามเรื่องของคนเมา คนเพชรบุรีก็อวดอ้างว่า เมืองไหน ๆ ก็ไม่มีต้นตาลมากเหมือนเมืองเพชรบุรี ฝ่ายคนสุพรรณก็ขัดว่า เมืองสุพรรณมีต้นตาลมากกว่าเมืองเพชรบุรีเป็นไหน ๆ คนเพชรบุรีก็เคือง เถียงกันไปมาในที่สุดก็เกิดโทสะจะชกต่อยกัน คนสุพรรณเห็นพวกเพชรบุรีเยอะกว่า ก็เลยยอม ๆ ( เพราะกลัวจะไม่ได้กลับบ้านไปนับต้นตาลมาเถียงต่อกระมัง ) ก็เลยบอกว่า เอาเถอะ ต้นตาลเมืองสุพรรณมีน้อยกว่าเมืองเพชรบุรีต้นหนึ่ง เรื่องก็เป็นอันจบไป จึงเกิดคำพูดว่า “เมืองสุพรรณมีต้นตาลน้อยกว่าเมืองเพชรบุรีต้นเดียว” จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ ทราบแต่ว่าเล่ากันมาอย่างนี้
เห็นเรื่องนี้แล้วนึกถึงสมัยปัจจุบันที่เด็ก ๆ ต่างจังหวัดมักจะอวดอ้างกันว่าจังหวัดใครเจริญกว่ากัน ในยุคที่การคมนาคมเริ่มเจริญก็จะอวดกันว่า หมู่บ้านใคร อำเภอใคร มีสะพานลอย หรือสัญญาณไฟเขียวไฟแดงมากกว่ากัน ต่อมา ในยุคที่ร้านสะดวกซื้อเฟื่องฟูก็จะอวดกันว่า จังหวัดใครมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมากกว่ากัน แต่ดีหน่อยที่ไม่ต้องทะเลาะกันมากมาย เพราะร้านเซเว่นฯ นี้สามารถนับจำนวนสาขาได้แน่นอน ไม่เหมือนต้นตาล
พูดถึง เซเว่นฯ ก็นึกถึงความเป็นมาของร้านสะดวกซื้อนี้ เล่ากันว่าร้านเซเว่นฯ ที่เรียกว่า เซเว่นอีเลฟเว่นก็เพราะว่า ร้านนี้จะเปิดตอน 7 โมง และปิดตอน 5 ทุ่ม ห้างในเมืองนอกสมัยก่อนจะปิดแต่หัววัน และจะมีย่านดาวทาวน์เป็นหลักแหล่ง ( ไม่ใช่อยู่สะเปะสะปะเหมือนไทยแลนด์แดนเสรีแห่งนี้ ) ใครจะกินข้าวก็ต้องรีบ ๆ กินก่อนห้างจะปิด เจ้าคนหัวไวใจกล้าก็เลยคิดเปิดร้านเซเว่นฯ ขึ้นมา
พิจารณาดูสมัยนี้แล้ว ร้านเซเว่นฯ เปิด 24 ชั่งโมง ตามยุคสมัย หากจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ร้านทเวนตี้ฟอร์ ก็น่าจะดูเก๋ไก๋ดี แต่ยังไง ๆ ร้านเซเว่นก็คงไม่เปลี่ยนชื่อง่าย ๆ เพราะติดตลาดไปเสียแล้ว อย่างนั้นเราก็เปิดร้านใหม่ ชื่อร้านทเวนตี้ฟอร์แข่งกับร้านเซเว่นฯ ไปเสียเลย
เผื่อจะรวยขึ้นมาบ้าง ( ฮา )
พอละกันเดี๋ยวคนแถว ๆ เซเว่นเขาจะเคืองเอา
ทิวฟ้า ทัดตะวัน
พฤ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๐
แจ้งข่าวทุกท่านทราบว่าตอนนี้เว็บบอร์ดใช้งานไม่ได้ชั่วขณะไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น