เมื่อนานแล้วแหละ
หลายวันแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนที่ข้าพเจ้ากลับบ้านเพื่อพักผ่อน
แต่ความจริงแล้วไม่ได้พักผ่อน
ข้าพเจ้าวางแผนเอาไว้ว่า
หมดธุระการงาน จะกลับบ้านเพื่อพักผ่อน
คือจะไม่ทำอะไรเลย
ตื่นเช้ามา เล่นกับหมา เล่นกับหลาน
แล้วก็ปั่นจักรยาน ไปดูท้องไร่ท้องนา
แต่ก็นั่นแหละ
การงานอันไม่คาดคิดก็จู่โจมเข้ามา
เรียกว่าจู่โจมจริง ๆ
เพราะเราไม่เคยทำงานพวกนี้มาก่อน
ส่วนงานที่เคยทำมาก่อน
คิดว่า จะทำกันนิดเดียว แต่กลับมานักเขียนส่งต้นฉบับกันมา
เลยต้องทำกันยาว
เพราะจะต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยทันกำหนดการโปรโมทหนังสือ
ที่ร้านหนังสือ คิโนะคูนิยะ
ทั้งสามสาขา
ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องที่เล่ามาทั้งหมด
ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้แม้แต่น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม
ถึงจะไม่เกี่ยว แต่ก็อาจจะดูเหมือนเกี่ยวอยู่บ้าง
เพราะธุระการงานนี้เอง ทำให้ข้าพเจ้าต้องทำงานหนัก
เรื่องธุระการงาน ประเดี๋ยวข้าพเจ้าคงจะได้มาพูดถึงอีกคำรบหนึ่ง
ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
อยากบันทึกความทรงจำเอาไว้
ว่า ครั้งหนึ่งเราทำงานกันหนักหนาแค่ไหน
และยากลำบากเพียงไร
ซึ่งคิดว่า มันไม่น่าจะมีอะไรในอนาคตเกี่ยวกับงานพวกนี้
ที่เราจะได้ทำกันโหดขนาดนี้อีกแล้ว
แต่ก็ไม่แน่
เรื่องอนาคตเป็นเรื่องพยากรณ์ไม่ได้
เพราะข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีอนาคตังสญาณ
ที่จะล่วงรู้อนาคต
เราอาจจะทำงานหนักกันกว่านี้ก็ได้
เราอาจจะต้องทำงานมากกว่านี้ก็ได้
แต่ที่แน่ ๆ ข้าพเจ้าสนุกกับการทำงาน
การงานทางโลก มันสนุกเพราะทำเสร็จมันก็ได้เงินได้ทอง
มาจับจ่ายใช้สอย หรือใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น
ส่วนการงานทางธรรม ก็สนุก เพราะทำแล้วได้ประโยชน์
ทำแล้วเห็นผล คือมีความสงบงาม มีความดีงาม
คืออะไรก็ตามแต่ เราทำแล้วมีผลงานที่ดี เราก็อยากทำ
ทำแล้วสนุก ก็ทำไปเรื่อย ๆ
ผลสุดท้ายของการงานทั้งหลายมีอยู่
และเราแต่ละคนก็ล้วนต้องเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางนั้นด้วยกันทุกคน
เมื่อนานมาแล้วแหละ อย่างที่กล่าวข้างต้น
ข้าพเจ้าก็ฝัน
เป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก ๆ
ข้าพเจ้าฝันถึงผู้หญิงที่เคยจีบ
ฝันถึงการพูดคุยกัน
เป็นความแปลกประหลาดอย่างแท้จริง
ในชีวิตจริงเราไม่ค่อยได้คุยกันหรอก
ตั้งแต่ไหนแต่ไร
และในชีวิตจริง ทุกวันนี้เขาก็แต่งงานมีผัวไปแล้ว
ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ข้าพเจ้าจะฝันถึงเขาหาพระแสงอะไร
แต่นั่นแหละ มันเป็นความฝัน
ข้าพเจ้ามาตรึกถึงผู้หญิงอีกคน
และวันต่อว่าข้าพเจ้าก็ฝันถึงเธอผู้นั้น
อันนี้เป็นคนละคน
เป็นผู้หญิงที่เราจีบนั้นแหละ
เคย
นอกจากฝันว่าได้พูดคุยกัน
ก็ฝันถึงอีกในวันต่อมา
ฝันถึงการสวมกอดและให้กำลังใจ
มันเแปลกอยู่อย่างหนึ่ง
ความฝันเหล่านี้มันมีภาพที่ฉายชัด
และเป็นความทรงจำ
และอย่างไม่เคยลืมเลือน
ข้าพเจ้าก็จำได้
มันน่าจะมีอะไรที่ฝังใจอยู่มากพอสมควร
แม้วันเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าฝันถึงสตรีที่มีผัวแล้วนั้น
ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมา
ก็พลันนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา
"ก่อนรักถนอม บ่เคยให้หม่นหมองมัว..."
ช่างแปลกเสียจริง
เวลาข้าพเจ้าฝันแล้วตื่นขึ้นมา มีเพลงออกมาด้วย
และข้าพเจ้าก็จำมันได้ด้วย
ราวกับว่า
ชีวิตของคนเรามีบทเพลงบรรเลงกล่อม
ทุกจังหวะของทุกย่างก้าว
เราก็มีเพลงบรรเลงเคล้าคลอไปอย่างนั้น
ก่อนที่เราจะตื่น และในความฝัน
อาจมีบทเพลงก็ได้
แต่บางครั้ง
บทเพลงทั้งหลาย
เราก็ไม่ได้ยินง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น