ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

เล่าเรื่อง เด็กชายผู้ถูกผีหลอก [รวมบทกวี] ภาค ๔

ว่าด้วยปกหลังบ้างดีกว่า

ความจริง  ก็ว่าจะเอาปกหน้าที่ไม่ได้ใช้มาลงไว้

เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์นะครับ

ว่าทำกันไว้เยอะขนาดไหน

แต่ก็ช่างมันเถอะ

บางทีมันก็ไม่สำคัญว่า  เราทำอะไรมามากขนาดไหน

มันสำคัญที่

สุดท้ายแล้ว

สิ่งที่เราเลือกจากทั้งหมด

มันสวยงามมากแค่ไหน

เพราะเอาเข้าจริง  ในระหว่างทาง

ก็มีเพียงเรา

และความจริงเรื่องในระหว่างทาง

ก็ไม่ใช่ว่า

เราจะสามารถถ่ายทอดได้ทั้งหมด

เราเล่าเรื่องระหว่างทางเฉพาะบางอย่าง

ที่เราเลือกที่อยากจะบอกเล่า


ซึ่งสิ่งสำคัญมันก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์อยู่ดี

กระบวนการย่อมนำไปสู่ผลลัพธ์

กระบวนการที่ดีย่อมนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี

เราไม่อาจปฏิเสธผลลัพธ์  หรือปฏิเสธกระบวนการ

และเราก็ไม่อาจยกยอกระบวนการ  มากกว่าผลลัพธ์

แต่เราสามารถยกยอผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการได้

เพราะผลลัพธ์ก็ย่อมเป็นผลลัพธ์

ผลลัพธ์ที่ดี  ก็ย่อมควรค่าแก่การยกยอ

และควรค่าแก่การเสวยซึ่งผลลัพธ์

ซึ่งก็ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่า

กว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีเลิศได้

ต้องผ่านกระบวนการเคี่ยวกรำมามากขนาดไหน


ข้าพเจ้าเลือกปกหลังที่สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

และมีบาร์โค้ด  ที่โรงพิมพ์ทำให้อย่างสวยงาม

มาให้ได้รับชม

มีเรื่องเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ที่ข้าพเจ้าอยากกล่าวถึง

เกี่ยวกับคำยกยอปอปั้นนี้

555



กนก  สงิมทอง  บรรณาธิการหนังสือของข้าพเจ้า

หรืออีกชื่อที่คนทั่วไปรู้จัก

ก็คือ  เสี้ยวจันทร์  แรมไพร

ข้าพเจ้าเคยได้ยินชื่อ  เสี้ยวจันทร์  แรมไพร  ตั้งแต่สมัยนานมาแล้ว

ตั้งแต่ข้าพเจ้าเข้าสู่วงการนักเขียนใหม่ ๆ  

ตั้งแต่ข้าพเจ้าจะรู้จัก  กนก  สงิมทอง

ข้าพเจ้ารู้จัก  กนก  สงิมทอง

จากหนังสือหลายเล่ม

เวลาดูหนังสือ

ช่วงระยะที่ข้าพเจ้าเริ่มที่จะเข้าสู่กระบวนการทำหนังสือนั้น

ข้าพเจ้าดูทุกรายละเอียดของหนังสือ

ตั้งแต่  ปกหน้า  ปกหลัง  สันปก  หน้าเครดิต

คำนำ  อะไรต่าง ๆ  

ซึ่งไม่เหมือนช่วงแรก ๆ  ที่ข้าพเจ้าเริ่มอ่านหนังสือ

ตอนเป็นเด็ก  อายุประมาณ  ๘-๙  ขวบ  ที่เริ่มอ่านหนังสือนั้น

ข้าพเจ้าก็อ่านเฉพาะหนังสือ

ไม่ชอบอ่านคำนำ

พอโตขึ้นมาหน่อย

ก็รู้สึกว่า  ต้องอ่านคำนำ  ถ้าไม่อ่านคำนำ  มันจะดูเหมือน

เราอ่านไม่ครบ

นั่นอายุประมาณ  ๑๔-๑๕  ปี

แต่กระนั้น  หลาย ๆ  เล่ม

ข้าพเจ้าก็ไม่ได้อ่านคำนำ

ไม่ชอบอ่าน

ไม่ดูด้วยซ้ำว่าหน้าเครดิตเป็นอะไร

รู้จักแต่เนื้อหาในหนังสือ

จำชื่อผู้เขียนได้บ้าง  ถ้าเล่มไหนเขียนดี  อ่านแล้วชอบ

จำชื่อสำนักพิมพ์ได้

ว่าสำนักพิมพ์ไหน  พิมพ์งานอะไร

จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย

ข้าพเจ้าจึงได้สนใจหน้าเครดิตหนังสืออย่างจริงจัง

และข้าพเจ้าก็พบว่า

ชื่อของ  กนก  สงิมทอง  นั้น

มีอยู่มากมายในหนังสือวรรณกรรม

และแน่นอน

ว่า  มีอยู่ในหนังสือ  รวมบทกวี  หลายเล่ม

และแน่นอนว่า

ข้าพเจ้าก็รู้สึกถึงพลังบางอย่าง

ว่าในอนาคต

ข้าพเจ้าจะต้องได้รู้จักกับ  บุคคลผู้นี้  อย่างแน่นอน


ข้าพเจ้ามีสัมผัสพิเศษอย่างหนึ่ง

ถ้าข้าพเจ้าไปที่ไหน  แล้วรู้สึกมีพลังงานบางอย่าง

เช่น  รู้สึกคุ้นเคย  หรือรู้สึกแว้บขึ้นมาในใจถึงความคุ้นเคย

ข้าพเจ้าก็มักจะได้ไปอยู่ที่นั่น

ข้าพเจ้าเดินทางเข้าสู่  ตัวเมืองอุดรธานีครั้งแรก

ข้าพเจ้ารู้ได้เลยว่า

ในอนาคตเราจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

เช่นเดียวกับ  การเดินทางมากรุงเทพครั้งแรก

ข้าพเจ้ารู้สึกคุ้ยเคยอย่างประหลาด

ไม่เว้นแม้แต่ผู้คน

หากข้าพเจ้ารู้สึกว่า  จะต้องรู้จักกับใครที่เคยอ่านงานเขียนของเขา

นั่นก็ย่อมหมายความว่า

ข้าพเจ้าจะต้องได้ทำความรู้จัก



ข้าพเจ้าใช้ชีวิตในแวดวงนักเขียนอยู่หลายปี

จนกระทั่งวันหนึ่ง

ข้าพเจ้าก็ได้รู้จัก  พี่เสี้ยว

หรือ  กนก  สงิมทอง

และแน่นอนว่า

ข้าพเจ้าก็ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างที่มันควรจะเป็น

จนกระทั่ง

ข้าพเจ้าได้นำเสนอต้นฉบับให้พี่เสี้ยวช่วยดู

ทุกอย่างเกิดขึ้นตามกระบวนการ

จนได้สำเร็จเป็นข้อสรุปสุดท้าย


เหลือ  คำนำ

ซึ่งข้าพเจ้าไม่ใคร่จะชอบเขียน  คำนำ

เพราะข้าพเจ้าติดมาจากตอนเป็นเด็กว่า

ไม่ชอบอ่าน  คำนำ

บางครั้ง  คำนำ  ก็ดูสปอยล์เนื้อหา

หรือนำพาความคิดเรามากจนเกินไป

ทำให้อ่านเนื้อเรื่องไม่สนุกเท่าที่ควร

ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งยวด

ที่จะทำให้หนังสือของข้าพเจ้า

ไม่มี  คำนำ

แต่ก็อย่างที่ว่า

หลาย ๆ  เล่มก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

พอไม่มีคำนำ

ก็มี  คำตาม

คำตามก็ดีหน่อย

ตรงที่ว่า  มันไม่สปอยล์

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ใคร่จะชอบเขียนอยู่ดี

หรือถ้าเขียน

ข้าพเจ้าก็มักจะเพ้อพกจนเกินงาม

ซึ่งบางทีกลับไปอ่านแล้ว

รู้สึกว่า  เราเขียนไปอย่างนั้นทำไม

น่าสมเพชชะมัด

555


เล่มนี้ทุกคนก็เกี่ยงกันเขียน  คำนำ

พี่เสี้ยวก็ไม่ถนัดเขียน  คำนำ

ข้าพเจ้าก็ไม่ชอบเขียน

และในที่สุด

ก็เป็นมติว่า

ไม่มี  คำนำ

ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า

คำนำ  สำหรับหนังสือเรื่องนี้

ไม่จำเป็น

เพราะบทแรก

ก็เสมือนเป็นการเกริ่น

หรือบอกกล่าวแทนคำนำได้อยู่แล้ว

ซึ่งจุดนี้พี่เสี้ยวใช้คำพูดว่า

ตัวบทมันดีอยู่แล้ว  ไม่อยากไปยุ่งกับมันอีก

และแน่นอน

ข้าพเจ้าก็เป็นคนที่สงวนความเป็นส่วนตัว

หรือสงวนความบ้าความบออะไรก็แล้วแต่

ทำให้ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะเขียน  คำตาม

ในหนังสือเล่มนี้

และก็อีหรอบเดิม

พี่เสี้ยวก็ใช้ประโยคที่ว่า

บทสุดท้ายมันก็ดีอยู่แล้ว  ตัวบทมันก็ดีอยู่แล้ว

พี่ไม่อยากจะยุ่งกับมันอีก

เป็นการปฏิเสธที่จะเขียนคำตาม

555

สรุปก็ไม่มีใครเขียนคำตาม


ปัญหามันก็เกิดขึ้น

ว่าเราจะเอาอะไรมาใส่ปกหลัง

ให้มันดูน่าจับต้องขึ้นมาบ้าง

ไม่อยากจะปล่อยโล่ง ๆ  มากจนเกินไป

เพราะลำพังชื่อหนังสือก็น่าสะพรึงมากพอแล้ว

เจอปกหลังว่างเปล่า

อาจจะกลัวผีหลอกขึ้นมาก็ได้



เจรจากันอยู่นาน

และข้าพเจ้าก็ทดลองใช้คำโปรยอื่น ๆ  มาหลอกล่อ

จึงทำให้

พี่เสี้ยว  ออกโรง

เขียนอะไรแบบที่เห็นนี้ในปกหลังได้

555

และมันก็มีอยู่แค่นี้

ไม่มากไปกว่านี้

และไม่น้อยไปกว่านี้

และไม่มีในที่อื่น

นอกจากปกหลังนี้เท่านั้น





ความจริงเรื่องปกหลังยังมีอีกมาก

แต่ก็นั่นแหละ

ข้าพเจ้าพึงใจที่จะมีความลับ

มากกว่าอยากจะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่าง

จึงขอเอวังแต่เพียงเท่านี้

โปรดติดตามตอนต่อไป

555

สำหรับวันนี้

ราตรีสวัสดิ์ครับ


Arty
21 12 2015  00.02 น.

อ่านภาค ๑  คลิกที่นี่
อ่านภาค ๒  คลิกที่นี่
อ่านภาค ๓  คลิกที่นี่
อ่านภาค ๕  คลิกที่นี่
อ่านภาค ๖  คลิกที่นี่