วันนี้มีเหตุการณ์มากมายหลายหลากเหลือเกิน
ที่ประดังประเดเข้ามา ที่ทำให้ต้องนึกถึงคำว่า
อดทน
ความจริงมันก็ไม่ได้เป็นเหตุการณ์เลวร้ายอะไร
ก็เป็นเหตุการณ์ทั่วไปในชีวิตประจำวันนั่นแหละ
แต่เมื่อในสภาวะที่จิตมันละเอียดมาก ๆ มันก็จะ
ทำให้เรารู้สึกได้มาก และเริ่มที่จะใคร่ครวญ
พิจารณาเพื่อหาแก่นสาร เพื่อที่จะปลดปละละวางมันออกไปให้ได้
โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย
ที่ไหลหลั่งถั่งท้นเข้ามาสู่หัวใจของเรา
หากแต่เราเพียงหวั่นไหวแม้ชั่วขณะเท่านั้น
เราก็มิพักจะต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์
ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็มักจะโทษคนนั้นคนนี้
สิ่งนั้นสิ่งนี้ ยกความผิดให้อื่นใดอื่นหนึ่ง
ให้ใคร ๆ หรืออะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เรา
หาแพะรับบาป
เพียงเพราะว่าเราพ่ายแพ้ต่อความมืดบอดของตัวเราเอง
ทั้ง ๆ ที่แท้แล้ว ในความเป็นจริงก็คือ
เรานั่นเอง
ที่ไม่สามารถอดทน
เราไม่สามารถอดทนต่อความทุกข์
ไม่สามารถอดทนต่อความสุข
ต่อความโกรธ ความเศร้า ความเจ็บปวด
ความดูหมิ่นดูแคลน
หรือความอะไรก็แล้วแต่
ที่เราไม่อดทน หรือเราอดทน แต่ไม่เพียงพอ
ทั้ง ๆ ที่สิ่งทั้งหลายในโลกก็เกิดขึ้นและเป็นอยู่อย่างนี้
เคยเป็นเช่นนี้ และจะเป็นอย่างนี้
หากเรายังต้องอยู่ในโลก
และไม่ต้องการความทุกข์
เราก็ต้องรู้จักคำว่า อดทน
โลกนี้ต้องอดทน
และ... อดทนให้เพียงพอ
อดทนต่อความสุข อดทนต่อความทุกข์
มิเช่นนั้นเราจะกลายเป็นดังหนึ่งหมาขี้เรื้อน
ที่อยู่ไหนก็ไม่ได้ เที่ยวเสาะหาที่อยู่ไปเรื่อย
ทั้งที่ความจัญไรทั้งหลายทั้งมวลมันสิงสถิตอยู่ ณ
หัวใจของเราเอง
( บางครั้งเราเคยอ่าน เคยได้ยิน คำว่า อดทน อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่จริง ๆ แล้ว มันมากแค่ไหน ที่เราจะได้ใช้มันจริง ๆ จัง ๆ
เราอดทน เราใคร่ครวญกับความอดทน มากเท่ากับที่เราได้ยินได้ฟังหรือเปล่า
หรือเพียงเพราะว่า เราได้ยินมันจนเฝือ จนลืม
หรือเพียงเพราะว่า คำพูด, ถ้อยคำ มันกลบสภาวะที่แท้จริง ของ ความอดทน
ไปเสียหมด จนเราไม่ได้ใช้มันจริง ๆ ในชีวิตมากเพียงพอเท่าที่เราจะต้องใช้มันจริง ๆ )
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๒๒ กันยนยน ๒๕๕๘
วันแห่งความอดทน