"โลกเสมือนรู้สึกสมัย"
กวีนิพนธ์เล่มล่าสุดของ "นายทิวา"
ข้าพเจ้าได้รับน้ำจิตน้ำใจมาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
ต้องกล่าวตามตรงว่า
ข้าพเจ้าเป็นคนอ่านหนังสือไม่ค่อยแตกฉาน
อ่านหนังสือได้น้อย และอ่านหนังสือช้า
ปีหนึ่ง ๆ ข้าพเจ้าลองคำนวณดู
ข้าพเจ้าอ่านได้เพียงประมาณ หนึ่งร้อยกว่าเล่มเท่านั้น
อาจจะต่ำหรือเกินเลขหนึ่งร้อยนิด ๆ
(ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของข้าพเจ้าเอง 555)
"โลกเสมือนรู้สึกสมัย"
แบ่งเป็นสองภาค
ภาคแรก
"โลกเสมือน"
คล้าย ๆ กับว่า
เราอยู่ในโลกของความไม่จริง
อยู่ในสมมติอันหนาเตอะ
ผู้เขียนนำเสนอสารคลับคล้าย
"พุทธปรัชญา"
"โลกของเราไม่มีอยู่เป็นของเรา"
(จากบท "โลกของเรา?")
หรือ
"ครู่ขณะนิ่งเงียบไร้กฎเกณฑ์
เพียงเพื่อล้อเล่นความจริงลวง"
(จากบท "เงียบ")
ในเชิงกวี
มีความไหล, รื่น มีการกำหนดแน่ชัดว่า
แต่ละเรื่อง จะต้องประกอบด้วย
สามบท กับอีก หนึ่งบาท
เหมือนว่า หนึ่งบาทท้ายสุดของแต่ละบทนั้น
คือ "ข้อสรุป" ของแต่ละเรื่อง
แม้ความเป็นจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม
ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ที่เราจะสามารถกำหนดอะไรสักอย่างไว้
แล้วรวบรวมแนวคิดให้อยู่ในสิ่งที่จำกัดนั้นได้
แต่ "นายทิวา" ทำได้เป็นอย่างดี
แสดงถึง "ความช่ำชอง", "ความเก๋า" ของกวี
โดยส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่า
สามบทกับอีกหนึ่งบาท
โดยคติแล้ว ไม่ต่างไปจาก การบังคับ คำ และวรรณยุกต์
ในฉันทลักษณ์จำพวกโคลง แม้แต่น้อย
"รู้สึกสมัย"
เป็นเรื่องราวจากสายตาของกวี
สายตาของความรู้สึก
เป็นความรู้สึกอันเสียดสี
ลุ่มลึก และแดกดัน
ประชดประชัน
กับเรื่องราวอันเป็นอมตะของโลก
เช่น สงคราม ความสุข-ทุกข์ ฯลฯ
"มาทำสงครามกันเถอะโลก
เมื่อรักกันมันวิโยคมันโศกเศร้า
เมื่อรักแล้วต้องทำร้ายไม่บันเบา
เมื่อรักต้องประกาศเอาแพ้ชนะ
…
รักแล้วมักทำร้ายให้ทุกข์ตรม
ฆ่ากันเถอะแล้วชื่นชมให้โลกสะใจ!"
( จากบท "มาทำสงครามกันเถอะ")
โดยรวมแล้ว "โลกเสมือนรู้สึกสมัย"
นำพาให้เราคิดคำนึงเกี่ยวกับโลก
การมีอยู่ และดำเนินไป
ทั้งในแง่ "โลกส่วนตัว"
และ "โลกส่วนรวม"
เน้นย้ำให้อยู่ในโลกด้วยกันอย่างสงบสุข
โดยไม่แบ่งเรา, เขา
โดยความเท่าเทียมกัน
"แม้ต่างแปลกหน้ากันอย่างแปลกหน้า
แต่ไม่ต่างคุณค่าที่แน่นหนัก
แม้ต่างคนต่างคิดต่างกันนัก
แต่ไม่ต่างด้วยศักดิ์ของหัวใจ"
(จากบท "ต่าง-ไม่ต่าง")
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๑๐ เมษายน ๒๕๕๗
ตีสาม
ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ