เวลาเห็นคนอื่นได้ดี
สิ่งที่เราต้องพูดก็คือ อนุโมทนาสาธุ
สิ่งที่เราต้องคิดก็คือ อนุโมทนาสาธุ
คือยินดีกับเขาด้วย
ดีใจกับเขาด้วย
คนไทยยินดีกับใครไม่ค่อยเป็น
เป็นแต่อิจฉา
หรืออย่างน้อย ๆ ก็หมั่นไส้
เคือง ๆ
ไม่ชอบขี้หน้า
ตั้งท่าไว้ว่า มึงอย่าล้มเห๊อะ
กูจะคอยสมน้ำหน้า
อะไรทำนองนี้
การยินดีกับผู้อื่นนี้เราต้องฝึกให้มาก ๆ
เพราะเป็นพรหมวิหารธรรมอย่างหนึ่ง
นอกจากเมตตา กรุณาแล้ว
มุทิตา ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
แต่ทั้งหมดทั้งมวล
ต้องสรุปลงที่ อุเบกขา
คือความมีสติ
การอิจฉาผู้อื่น หมั่นไส้ผู้อื่นนี้
ไม่ใช่สิ่งที่ดี
ไม่ใช่กุศลกรรม
เป็นอกุศลกรรม
เวลาทำอะไร
คนที่ชอบอิจฉาผู้อื่นนั้น
มักจะมีอุปสรรคขัดขวางอยู่ตลอดเวลา
มีคนขัดขา เลื่อยเก้าอี้ตลอด
เพราะกรรมเก่าคือได้อิจฉาผู้อื่นไว้
เคยทำมามากเท่าไหร่
ก็ได้รับผลมากเท่านั้น
ฉะนั้น
คนเราจะคิดจะทำอะไร
นอกจากต้องเมตตา
กรุณา แล้ว
ต้องมีมุทิตาด้วย
ยินดี ๆ
ยินดีกับคนอื่นด้วยใจจริงให้เป็น
ฝึกมองคุณงามความดีที่ผู้อื่นทำให้เป็น
จริงใจกับเขาให้ได้
หากไม่แล้ว
จะเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
และต้องไม่ลืม
อุเบกขา เป็นธรรมสำคัญมาก
เพราะถึงที่สุดแล้ว
ทุกอย่างต้องวางเป็นอุเบกขาทั้งสิ้น
พ. พุทธังกุโร
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖