ซื้อ E-BOOK
|
เมื่อข้าพเจ้าต้องจากไป
ข้าพเจ้าตระหนักว่า
ข้าพเจ้าคงมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
ได้อีกไม่นานนัก
สิ่งใดที่จำเป็นต้องทำ
ข้าพเจ้าก็รีบทำโดยเร็วไว
สิ่งใดที่หาความจำเป็นมิได้
ข้าพเจ้าอาจจะต้องเพิกเฉยเสีย
ข้าพเจ้าไม่ควรห่วงใยผู้หนึ่งผู้ใดมากเกินไป
เกินไปจนกระทั่งสิ่งนั้นได้กลับมาทำร้ายข้าพเจ้าเอง
ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าจะเห็นแก่ตัวว่า
ไม่อยากโดนทำร้าย
แต่เพราะมีหลายสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องทำ
โดยปกติแล้วข้าพเจ้าก็ไม่ใคร่ขอร้อง
หรือวานให้คนอื่นทำอะไรให้ข้าพเจ้า
โดยปกติข้าพเจ้าก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร
เป็นคนอื่นเสียอีก
ที่มักมาขอความช่วยเหลือจากข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าช่วย
ตามฐานะที่ช่วยได้
และแท้จริงแล้ว
เมื่อข้าพเจ้าช่วย
ก็ช่วยจนถึงที่สุด
ที่สุดโดยความสามารถแห่งข้าพเจ้า
อย่างไรก็ตาม
บางสิ่งบางอย่าง
ข้าพเจ้าก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือ
ข้าพเจ้าร้องขอให้น้อยที่สุด
ตอบแทนเขาให้มากกว่าที่เขาให้
แม้กระนั้นก็ตาม
ข้าพเจ้าก็มิได้หวังว่า
เขาจะรับรู้รับทราบ
เพราะข้าพเจ้ามีปกติไม่เอื้อนเอ่ยความรู้สึก
มีท่าทีเฉยชาจนบางครั้งก็เกือบจะเย็นชา
เว้นเสียแต่ว่า
ในยามที่ไม่ปกติ
เมื่อใดที่ข้าพเจ้าได้ออกปากขอความช่วยเหลือ
หมายความว่า
มันถึงที่สุดแล้วจริง ๆ
ข้าพเจ้าถนัดในการทำทุกสิ่งด้วยตนเอง
มาแต่นานเนิ่น
ข้าพเจ้าถนัดในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
ข้าพเจ้าไม่ได้มีลำตัวไว้พิงผู้อื่น
ไม่ได้มีปากเพื่อขอร้อง
และไม่ได้มีหัวใจไว้เพื่อเรียกร้องสิ่งใด ๆ
คราวใดก็แล้วแต่
เมื่อข้าพเจ้าต้องจากไป
ข้าพเจ้าก็จะต้องจากไป
โดยอาจปราศจากการร่ำลา
เราจะร่ำลากันไปทำไมนัก
ในเมื่อ
เราร่ำลาโดยความร่ำลานั้นอยู่แล้ว
ข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาจะให้ใครมาส่งข้าพเจ้า
ในวันที่ข้าพเจ้าต้องจากไป
นั่นแหละ
หมายความว่า
ใคร ๆ ก็อย่ามางานศพข้าพเจ้าเลย
และศพของข้าพเจ้า
ควรจะเผาไฟทิ้งเสีย
หรือไม่ก็เอาไปให้แร้งทึ้งหมากินเสียให้สิ้น
นั่นแหละ
ในความหมาย
แร้งไม่ใช่แร้ง
และหมาอาจมิใช่หมา
ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเป็นเงินทอง
และผลประโยชน์เช่นปัจจุบัน
ในนามของผู้สิ้นชีพ
ตนเองจะหาสาระอันใดกับศพที่ไร้ชีวิต
ที่เคยเพียงแค่อาศัยนั้นแล้วเล่า
ธัชชัย ธัญญาวัลย
๓ มิถุนายน ๒๕๕๕
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น