ข้าพเจ้าค้นเจอสิ่งนี้เมื่อคืน
หลังจากที่เสาะหากระดาษรียูส
เพื่อมาใช้พิมพ์ต้นฉบับนิยาย
เพื่ออ่านทบทวน
และแก้ไขอีกรอบ
มันเป็นหนังแกะสลัก
และข้าพเจ้าก็ไม่มีเวลาเอาใส่กรอบเสียที
จนทิ้งร้างไว้นานอย่างที่เห็น
เมื่อครั้งข้าพเจ้าได้มันมา
ข้าพเจ้าได้บันทึกเอาไว้ด้วย
ดังรูปข้างล่าง
ความจริงรูปมันใหญ่พอสมควร
สามารถคลิกเพื่อขยายดูรูปได้
แต่เพื่อความสะดวก
ข้าพเจ้าจะคัดลอก
ข้อความทั้งหมดมาไว้ ณ ที่นี้
"ข้าพเจ้าได้มันมาจากงาน OTOP ที่จัดขึ้นที่สนามกีฬาแห่งชาติ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าวันที่
เท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเป็นวันจันทร์ มันคือรูปเต่า
ข้าพเจ้าได้สนทนากับน้องคนที่ขายรูปพวกนี้ มันทำมาจากหนังวัว
แล้วฉลุลายและลงสี เป็นอย่างนั้น
ลายพวกนี้เขาก็มีอยู่แล้วเพียงแต่มาทำตามแบบ น้องเขาบอกว่าเป็นงานของเยาวชน
ตอนแรกข้าพเจ้าก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามันเป็นเต่าจริงหรือไม่ ก็ถามเขาดู
ว่ามันคืออะไร เขาบอกว่า เต่า
ข้าพเจ้านึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่งเกี่ยวกับเจ้าเต่าตัวนี้
มันเป็นเต่าที่พุ้ยน้ำเพื่อจะโผล่ขึ้นไปข้างบน
ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า การจะเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากนัก อุปมาดังเต่าตาบอดในมหาสมุทรกว้าง
หนึ่งร้อยปีจะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำสักครั้ง ซึ่งเหนือผิวน้ำนั้นจะมีเรือเล็ก ๆ
ลำหนึ่งลอยอยู่ เต่าตาบอดจะต้องชนเรือนี้พอดี จึงจะเทียบได้ว่าเป็นการได้ "โอกาส"
มาเกิดเป็นมนุษย์หนึ่งครั้ง มันยากเย็นแสนเข็ญขนาดหนัก มิเพียงเท่านั้น
นอกจากนี้แล้วยังมี 4 สิ่งแสนยากได้แก่ การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้านั้น แสนยาก
การได้ฟังธรรมนั้นแสนยาก เป็นต้น
ถ้าเอามาคูณกันเพื่อหาความน่าจะเป็น ข้าพเจ้าก็คือเต่าตาบอดตัวนั้น
และได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา แสนยากมาก
เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าซื้อภาพนี้มา
เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจว่า ตัวเองคือเต่าตาบอดตัวหนึ่ง
ได้เกิดมาพบพระธรรม ได้ปฏิบัติธรรม
แล้วมีเหตุผลอันใดที่ข้าพเจ้าจะละวางละทิ้งการปฏิบัติธรรมนั้นเสีย
ย่อมเป็นไปมิได้
เพราะคำนวณจากความน่าจะเป็นแล้ว มันยากนักหนากว่าจะมาเป็นข้าพเจ้า
(ลายเซ็น)
วันที่บันทึก 14 เมษายน 2552 ดึก ๆ"
ด้านหลังมีลายเซ็นและเขียนว่า
"มีนาคม 2552
จากงาน OTOP
สนามกีฬาแห่งชาติ"
กระดาษที่ใช้บันทึกก็เป็นกระดาษที่แถมมากับเต่านั่นเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
22 07 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น