ข้าพเจ้าฝันไป
ฝันเห็นนก
นกตัวหนึ่งถูกยิง
และบาดเจ็บ
มันบินไป
และถูกยิงอีกหลายครั้ง
ได้ยินเสียงปีกมันดังพึบพับ
ในฝันนั้น
ข้าพเจ้าร้องไห้สงสารนก
และรู้สึกว่าน้ำตาไหล จึงตื่นขึ้น
น้ำตามันไหลออกมาจริง ๆ
หลับตาลงไปใหม่
ฝันซ้ำ เห็นนกตัวเดิม
แต่ตอนนี้มีนกอีกตัวหนึ่งมาช่วยอุ้มนกตัวดังกล่าว
มันทั้งสองถูกยิงพร้อมกัน
ข้าพเจ้าบังเกิดความสงสารนก
และคิดว่า นกนี้ช่างน่าสงสาร
ใครเล่าจักพยาบาลนกที่ได้รับบาดเจ็บนี้
มันคงต้องเสียชีวิตเป็นแน่แท้
คิดดังนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาในฝัน
และไหลออกมาจริง ๆ อีกครั้ง
ปกติข้าพเจ้าเป็นคนร้องไห้ยาก
แต่เมื่อตอนเป็นเด็กเป็นคนร้องไห้ง่ายมาก
โดนแกล้งนิดหน่อยก็จะร้องไห้
เมื่อเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น
การร้องไห้ก็ไม่เกิดขึ้นเลย
และข้าพเจ้าก็ตรึกไว้ว่า
จะไม่ร้องไห้
แต่บางครั้งมันก็ยากจะทำใจ
ข้าพเจ้าร้องไห้ยากจนกระทั่ง
ร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำทนเก็บความเจ็บปวดไม่ไหว
จนต้องไปร้องไห้ในฝัน
หรืออย่างไร
บางครั้ง
มันก็เป็นแค่ความฝัน
และบางครั้ง
ที่ฝันก็เพราะมันฝันไปเอง
เมื่อตอนเป็นเด็ก
ข้าพเจ้าจะต้องเดินไป-กลับโรงเรียน
ผ่านบ้านที่มีฝูงหมาที่ดุร้าย
กลางวันก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก
แต่บางครั้ง
ข้าพเจ้าก็กลับบ้านมืดค่ำ
ก่อนที่จะถึงบ้านนั้น
บางครั้ง
ข้าพเจ้าก็ตั้งต้นว่ิง
ทั้งที่รู้ว่า
หมามันชอบวิ่งไล่วัตถุที่เคลื่อนที่
ต่อมาข้าพเจ้าไม่วิ่ง
แต่ก็ยังกลัวหมา
ข้าพเจ้าคิดหาทางว่า
จะเอาชนะใจหมาได้อย่างไร
ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงแห่งการเริ่มปฏิบัติธรรม
ข้าพเจ้าจึงแผ่เมตตาแก่หมา
ข้าพเจ้าแผ่เมตตาแก่มันทุกคืน
ด้วยหวังว่า มันจะดีขึ้นและเลิกล้มความคิดที่จะกัดข้าพเจ้า
แผ่เมตตาจนกระทั่งว่า
ในความฝัน
ข้าพเจ้าฝันว่าหมากัดข้าพเจ้า
ตอนแรกข้าพเจ้าจะตีมัน
แต่ในจิตขณะนั้นมีการเตือนว่า
ต้องแผ่เมตตาให้แก่มัน
ข้าพเจ้าก็แผ่เมตตาแก่มันในฝัน
เป็นความอัศจรรย์ใจของข้าพเจ้าในครั้งกระโน้นเป็นอย่างยิ่ง
ครั้งที่ยังเป็นเด็ก
แม้ทุกวันนี้ด้วยอานิสงส์แห่งการฝึกสติ
แม้กระทั่งในฝัน
ก็ยังมีความเมตตาปรากฏ
ข้าพเจ้าจีึงได้ข้อคิดว่า
เวลาที่เราทำอะไร
หรือเราฝึกจิตเพื่ออย่างใด
มันต้องให้เข้าไปลึกซึ้ง
จนถึงขนาดที่ว่า
ตอนฝันอยู่นั้น มันยังอยู่กับเรา
แม้ว่าข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่หมากระทั่งในฝัน
หมามันน่าจะดีหรืออย่างน้อยก็เฉย ๆ แก่ข้าพเจ้าบ้าง
แต่ในความเป็นจริงหาเป็นไปเช่นนั้นไม่
หมายังคงจ้องจะกัดข้าพเจ้า
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ข้าพเจ้ากลับบ้านดึกมาก
และแน่นอน
ฝูงหมารออยู่
ข้าพเจ้าไม่วิ่งอย่างที่เคย
เพราะเชื่อมั่นในอานุภาพแห่งเมตตาบารมี
หมาทั้งหลายเห่าบ้างเดินมาบ้างวิ่งมาบ้าง
กัดที่ข้อเท้าบ้างที่ขาบ้าง
แต่อาจจะเป็นเพราะ
อำนาจแห่งเมตตาหรืออำนาจแห่งกางเกงขายาวก็ไม่ทราบ
(แต่กางเกงนั้นเป็นแค่กางเกงวอร์มบาง ๆ ธรรมดา)
หมามันกัดข้าพเจ้าไม่เข้า
หรือบางที ตัวที่กัดมันอาจจะแก่แล้ว
หรือบางทีมันอาจจะกัดเบาไป
หรืออย่างไรก็แล้วแต่
ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจ
เพราะข้าพเจ้าเดินไม่เหลียวหลัง
คือเดินไปเรื่อย ๆ และในใจก็แผ่เมตตาตลอด
ข้าพเจ้านึกถึงพระสารีบุตร
ที่ถูกคนพาลเอาไม้ฟาดระหว่างที่ท่านบิณฑบาตร
แต่ท่านก็ไม่ได้หันกลับไปดู และไม่โกรธ
ข้าพเจ้าก็ถือเอาเรื่องนั้นเป็นหลักใจ
ไม่โกรธ และให้อภัย คือเมตตา
เป็นเมตตาอุปปารมี
คือเนื่องด้วยอวัยวะ
แล้วมันก็แปลกอย่างหนึ่ง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ในเส้นทางสายเดิม
หมามันก็ไม่มาเห่าหรือมากัดข้าพเจ้าอีกเลย
อาจเป็นเพราะข้าพเจ้าหมดเวรหมดกรรมกับมันที่ยอมให้มันกัดในวันนั้นก็เป็นได้
หรืออาจจะเพราะอย่างอื่นก็เป็นได้
และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่ง
ที่ทำให้ข้าพเจ้าหนักแน่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า
เรื่องราวที่ทำให้ข้าพเจ้าหนักแน่นในคำสอนของพระพุทธเจ้านี้
มีหลายเรื่องมากในชีวิตตลอดยี่สิบหกปีของข้าพเจ้า
ว่าง ๆ ข้าพเจ้าจะเล่าในภายหลัง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
30 05 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น