Final Destination โกงตายทะลุตาย
เพิ่งได้ไปดูหนังเรื่องนี้เมื่อวานนี้ ( 09/09/09 )
ความจริงตอนแรกว่าจะไปดู 5 แพร่ง
( ความจริงอีกก็คือว่า ไม่ได้อยากดูหรอก 5 แพร่ง
เพราะเห็นหลายคนรีวิวแล้ว ไม่น่าจะน่าดูซักเท่าไหร่
แต่มีคนชวนไปก็ไปเฉย ๆ และในที่สุดก็ไม่ได้ดู อิอิ )
Final Destination นั้นเป็นหนังน่าดูมาแต่ไหนแต่ไร
แม้ว่าเราจะรู้พล็อตเรื่องแล้ว ( หากใครที่เป็นแฟนมาแล้ว 3 ภาค )
ในภาคนี้การตายจะต่างออกไป
คนคิดหนังก็เข้าใจคิด
ดูเสร็จทำให้เรานึกขึ้นมาได้ว่า
แท้จริงแล้ว เราก็ไม่สามารถจะฝืนความตายไปได้
คือยังไง ๆ ก็ต้องตาย เป็นสัจธรรมอยู่วันยังค่ำ
ขึ้นอยู่กับว่าจะตายตอนไหนอย่างไร เท่านั้นเอง
หนังเรื่องนี้ถ้าดูดี ๆ จะพบว่า มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดา ๆ
ที่สามารถเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่อย่างไรก็ได้ เท่านั้นเอง
( เพียงแต่ในหนังมันเอามายำรวมกันไว้และผูกเรื่องให้ต่อกัน )
ฉากแรกนั้นคล้ายกรณี ซานติก้า มาก
ประทับใจกับความ ช่างคิด แบบเป็นห่วงโซ่ของการเกิดอุบัติเหตุ ที่ทำออกมาได้ดี
แต่มันดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ก็ให้อภัยได้ เพราะมันเป็นหนังแนวนี้
ฉากน่าคิดสำหรับเรื่องนี้เห็นจะเป็น ฉากที่แม่ของเด็กสองคนที่เข้าไปร้านทำผม
ต้องรอลุ้นว่า เธอ จะ ตาย อย่างไร
และมีความโล่งอกเล็กน้อยที่เธอไม่ได้ตาย ในร้านทำผมด้วยอุปกรณ์ทำผมทั้งหลาย
ด้วยการคล้าย ๆ ว่าจะเป็นเพราะการช่วยเหลือโดยบังเอิญของลูก ๆ แสนซนของเธอ
แต่กลับตายด้วย ก้อนหิน ( ที่ลูกชายทั้งสองของเธอโยนเล่นตั้งแต่แรกนั่นเอง )
เป็นการหักมุมที่ดีทีเดียว และสามารถคิดต่อเล่น ๆ ได้ว่า
ก็ "ลูก" นั่นแหละช่วยเหลือเธอ และก็ "ลูก" อีกนั่นแหละที่ทำให้เธอตาย
นอกจากนี้เรื่องนี้ยังนำเสนอแง่คิดที่ว่า
ถ้าถึงคราวตายทำยังไงมันก็ไม่ตาย แต่ถ้าถึงคราว
เดินคุยกันไปเฉย ๆ ก็ตายได้ ( ในกรณีของจอร์จ ชายผิวดำ
ที่พยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย กลับมาตายเพราะโดนรถชนอย่างไม่คาดฝัน
ดังนั้นจงดำรงชีพอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด :) )
แม้เรื่องนี้จะมีการตายที่เว่อร์มากและสยองมาก
ถึงขนาดกับจัดเรท 18+
แต่ในเรื่องก็ยังมีอารมณ์ผ่อนคลายอยู่บ้าง
และยังให้ความหวังสำหรับการมีชีวิต
และคุณค่าของชีวิตอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งคำพูดและการกระทำของตัวละครนั้นไม่เป็นการยัดเยียดคำพูดใส่ปากตัวละคร ( ต่างจากหนังบางเรื่อง เช่นหนังไทยเรื่อง ฝันโคตร ๆ ที่มีการหยิบเอาคำ ( ที่คิดว่า ) คมเหลือเกินไปใส่ให้ตัวละครพูด จนเกือบจะกลายเป็นเทศนา ซึ่งความจริงแล้ว มันทำให้ดูขัดหูและแปร่งอารมณ์ยังไงก็ไม่ทราบ )
อีกประการหนึ่งที่อยากกล่าวถึงก็คือ
เรื่องของโชคลางก็ยังเป็นที่ทันสมัยและถูกกล่าวถึงในหนัง
ไม่ว่าจะเป็น เหรียญนำโชค, เลข 13 หรืออื่น ๆ
แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อยังไงก็เป็นความเชื่อวันยังค่ำ
นอกจากนี้ยังมีเสียดสีสังคมแบบอเริกันเล็ก ๆ แทรกอยู่หลายจุด
ไม่เว้นแม้กระทั่งประเด็นการ เหยียดสีผิว
ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกสะใจที่พวกเหยียดสีผิวต้องตายกันก่อน 555+
รวมถึงการเสียดสีผู้ชายในแง่ที่ว่า ถ้าพรุ่งนี้คุณจะตาย คุณจะไปทำอะไร
คำตอบก็คือ ไป "เอา" ผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวละครหนึ่งในนั้นทำ
จุดนี้แสดงให้เห็นความร้ายกาจของแนวความคิดที่ว่า "เกิดหนเดียวตายหนเดียว"
การสำนึกในศีลธรรมนั้นจะด้อยลงไปมาก
สรุปแล้วเรื่องนี้โดยแก่นเรื่องนี้นั้นถือว่า ดี
โครงเรื่องดี
และ
การตายก็...โอเวอร์ดีครับ
จะดูเอามันหรือดูเอาเรื่องก็ได้ทั้งนั้น
สำหรับผู้ไม่คุ้นชิน ไม่แนะนำให้ดู 3D เพราะจะสยองและคลื่นเหียนมากเกินไป
ARTY
10/09/2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น