ผมเพิ่งได้เปิดอ่าน THE LAST LECTURE เมื่อหลังปีใหม่มาไม่กี่วันนี่เอง
ทั้งที่หนังสือเล่มนี้ขึ้นอันดับขายดีไปหลายสัปดาห์ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ความจริงก็คือว่า
ผมไม่ค่อยมั่นใจกับการประทับตราคำว่า "ขายดี" เท่าไหร่นัก
แต่หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่แตกต่าง
และยอมรับว่า เป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่ง
และกระแสวงการหนังสือโลกตอนนี้
หนังสือแนวนี้ก็กำลัง intrend อยู่
ผมยังอ่านไม่จบ
แต่เท่าที่อ่านมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว
ก็สามารถที่จะบอกได้ว่า
มันดีครับ
แนะนำว่า น่าจะหามาอ่านกัน
ปกติผมก็ไม่ค่อยได้แนะนำหนังสือเล่มใดเท่าไหร่นัก
เพราะบางเล่ม แม้จะขึ้นอันดับขายดี
แต่เนื้อหาโหรงเหรง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกประเภทธรรมะฮาวทูที่มีอยู่เกลื่อนตลาดในขณะนี้
อยากจะบอกว่า
ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเลยจริง ๆ
เสียเงิน เสียเวลาเปล่า
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ปีใหม่ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
ก็ไม่ค่อยมีอะไรครับ
ชีวิตก็เรื่อยไหลไปตามปกติ
ปีนี้ไม่ได้ไป "นับถอยหลัง" ที่ไหน
เหตุเพราะ
เป็นไข้
555+
ตอนแรกก็กะจะไม่กลับกรุงเทพฯ
แต่ก็เห็นว่าอยู่ที่สิงห์บุรีนี่ก็ไม่มีอะไร
สู้กลับไปอยู่สถานที่ที่เราคุ้นเคยจะดีกว่า
ปีใหม่ในสถานที่อันคุ้นเคย
ย่อมอบอุ่นกว่าที่ใหม่ ๆ
ในความคิดคับแคบของผมคิดว่าอย่างนั้น
ก่อนหน้าจะกลับก็ไปกินข้าวที่ร้าน "ทองชุบ"
แนะนำ ( อีกแล้ว ) ว่าร้านนี้
กุ้งแม่น้ำอร่อยมาก
ตัวโตมาก
น้อง ๆ กุ้งมังกรนั่นเลยทีเดียว
แต่ราคามากตามคุณภาพ
ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
นี่ถ้าทำร้านให้ดูไฮโซกว่านี้หน่อย
จะขายได้แพงกว่านี้อีกมากเลยครับ
ผมกินไปสองตัว
อิ่มมาก ๆ ขอบอก
ย้อนไปที่ "เดอะลาสต์เลกเชอร์" อีกครั้งหนึ่ง
ความดีของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่
ความเป็นกันเอง
ความสนุก น่าติดตาม
ความมีชีวิตชีวา
ความอบอุ่น
และความมีคติสอนใจที่เข้าท่า
ผมเรียกว่าเข้าท่า
เพราะวิธีการนำเสนอไม่ได้เป็นไปในแบบที่ "ไม่เข้าท่า"
สรุปก็ต้องลองอ่านดูครับ
ย้อนกลับมาที่เรื่องราวปีใหม่
ปีใหม่ปีนี้มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่บ้าง
ปกติ ผมก็จะส่งข้อความ forward
อวยพรปีใหม่ตามแบบฉบับ
ปีนี้เกิดนึกอะไรได้ขึ้นมา
ทำไมเราไม่เปลี่ยนใหม่
ให้มันแปลก ๆ ไปบ้าง
ก็เลย "บอกรัก" ทุกคนผ่านปีใหม่ไปเสียเลย
มันจะดีแค่ไหน
ถ้าปีใหม่มีคนบอกว่า
สวัสดีปีใหม่นะ
ฉันรักคุณมาก
แทนที่จะพูดว่า
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ดังที่เคยทำมา
บางคนอาจจะบอกว่า
มันผิดกาละหน่อย
คำบอกรักน่ะ เขาเอาไว้บอกกันวันวาเลนไทน์หรอก
แต่มันจะน่าเศร้าแค่ไหน
ถ้าเกิดว่า
ผมมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันวาเลนไทน์ในปีนี้
และยังไม่ได้พูดคำว่า
"รัก"
กับคนที่ผมรัก
และมันผิดตรงไหน
ถ้าเราจะบอกใคร ๆ
ว่าเรารักและหวังดีกับเขามากเพียงใด
เดอะลาสต์เลกเชอร์ อีกครั้ง
จะว่าไปมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมได้หนังสือเล่มนี้มา
คือ วันหลังปีใหม่ไม่กี่วัน
คงเป็นประมาณวันที่ 4 มกราคม กระมัง
ผมเดินเข้าไปที่ร้านซีเอ็ด มาบุญครอง
และฝากของไว้ที่เคาน์เตอร์
คือไปซื้อของมาน่ะครับ
แล้วของมันหนักมาก เยอะมาก
ตอนแรกว่าจะไปดูหนังสือพวกไกด์ไลน์เรื่อง Bluetooth
ทีนี้ดูเสร็จไม่ได้ซื้อหนังสือ
คือหนังสือพวกนี้เราจำ "ข้อมูลคร่าว ๆ" ได้ไงครับ
ว่าอยากได้รุ่นไหน ราคาเท่าไหร่ อะไรเทือกนี้ แล้วค่อยไปถามที่ร้านค้าอีกที
จะออกจากร้าน
ก็เกิดอาการแปลก ๆ
เอาของมาฝากเขา
ดูหนังสือร้านเขา
ไม่ซื้อหนังสือร้านเขา
ก็ออกจะน่าอายไปหน่อย
เลย เอาวะ
ซื้อซักเล่ม
ฉลองปีใหม่
หนังสือดี ๆ
เดินจนทั่วร้านหนังสือประมาณ
5 รอบ
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้ออะไรดี
คิดไปคิดมา
ก็
เอาเหอะ
เล่มนี้ละกัน
และแล้วก็ไม่ผิดหวังครับ
โอเค
วันนี้พอแต่เท่านี้ก่อน
ขออนุญาตไปทำงานก่อนละกัน
สวัสดีปีใหม่ครับ
ผมรักคุณมาก
ธัชชัย ธัญญาวัลย
06/01/2552
ป.ล. ปีใหม่ ผมเปลี่ยนลายเซ็นใหม่ด้วย 555+
( ความจริงเรื่องลายเซ็นนี่มีเรื่องเล่าเยอะมาก เดี๋ยวค่อยฝอยก็แล้วกัน )
*หมายเหตุ เรื่องนี้ผมเขียนไว่ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2552 พอดี internet มันล่มหลายวัน เพิ่งใช้ได้วันนี้น่ะครับ
ขออภัยทุกท่านด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น