ก็หัวใจยังเต้น
จะมีประโยชน์อะไรเมื่อหัวใจไม่เต้น แล้วตอนนั้น เราเพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่ได้ใช้ช่วงเวลาแห่งการเต้นของหัวใจทำในสิ่งที่รัก
ความมีชีวิตอาจโบยบินจากเราไปอย่างรวดเร็ว แม้ในวัยหนุ่มสาว อันเป็นนาทีทองแห่งการใช้ชีวิต เสาะแสวงหาคุณค่าและความรื่นรมย์
เมื่อพญามัจจุราชเดินทางมาเพื่อรับเราไปสู่ดินแดนใหม่ที่เราไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย หรือเราอาจจะเคยรู้จัก คุ้นเคย หากแต่จำไม่ได้
ก็กาลเวลาชอบนำพาความหลงลืมมาสู่เรานัก
เมื่อนั้นเราอาจที่จะร้องขอความเห็นใจใด ๆ
ขอเถิด ขอไปทำสิ่งที่ยังไม่ได้ทำก่อน ขอไปทำสิ่งนั้นก่อน ขอไปทำสิ่งนี้ก่อน ขอไปร่ำลาคนรักก่อน ขอไปบอกรักก่อน ขอไปเห็นหน้าพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย ขอไปขอโทษทุกคนที่เราเคยทำผิดต่อเขา ฯลฯ
เราอาจขอ แต่มิอาจสมหวัง
วันเวลาล่วงไปเราทำอะไรอยู่
ข้าพเจ้าได้ยินข่าวความตายแว่วมาบ่อย ๆ คนชรา คนที่มิทันชรา เด็กน้อยน่ารัก เด็กน้อยไม่น่ารัก คนหนุ่ม คนสาว คนที่มีสามี คนไม่มีสามี คนมีภรรยา คนที่เลิกกับภรรยาแล้วกำลังจะขอคืนดีกัน ฯลฯ พวกเขาล้วนตาย และจากไป อย่างไม่มีวันกลับ
ข้าพเจ้าตระหนักว่าตัวเองก็จะต้องตาย
จะมีอะไรแน่นอนนักกับลมหายใจที่ไหลเข้าไหลออก ที่ไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ ที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของเราหรือของเขา
เชือกแห่งความตายผูกคอเราอยู่ทุกเมื่อ พร้อมถูกกระตุกตลอดเวลา
ครั้นเมื่อใดที่เป็นเช่นนั้น
ทุกอย่างจะหยุดลง
คนจำนวนมากไม่อยากเผชิญชีวิตหลังความตาย อยากสิ้นสุดแค่การสิ้นชีวิต
ลัทธิความเชื่อว่าไม่มีชีวิตหลังความตายผุดพรายขึ้นมารองรับความต้องการนี้
คนจำนวนมากอยากมีชีวิตหลังความตายอย่างสงบสุข
ลัทธิความเชื่อว่าการกระทำบางอย่างจะนำพาตนไปสู่ดินแดนแห่งความสุขนั้นก็ผุดพรายขึ้นมาเสนอสนอง
คนจำนวนมากอยากมีความสุขทั้งก่อนตายและหลังตาย
ลัทธิความเชื่อเพื่อความสุขทั้งก่อนตายและหลงตายก็ผุดพรายขึ้นมาถาโถมไม่เว้นแต่ละวัน
แม้มีคนจำนวนมาก มีความเชื่อจำนวนมาก
ความเชื่อมิอาจเป็นความจริง แต่ความจริงอาจเป็นความเชื่อ
สิ่งใดเป็นจริง สิ่งนั้นย่อมเป็นจริง ไม่อาจห้ามปราม ไม่อาจทัดทาน
แม้ไม่ได้ยิน แม้มองไม่เห็น
แล้วความจริง...คืออย่างไรเล่า
ธัชชัย ธัญญาวัลย
เสาร์ 6 กันยายน 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น