ซื้อ E-BOOK

Thumbnail Seller Link
การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง
ธัชชัย ธัญญาวัลย
www.mebmarket.com
คุณจะสำรวจลึกลงไปในสิ่งต่าง ๆ ผ่านตัวหนังสือ ผ่านถ้อยคำ ที่กรองประกอบขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ “การสำเร็จความโง่ด้วยตนเอง” กวีนิพนธ์เชิ...
Get it now

นิทานจัญไร : พ่อมันเป็นกะเทย แม่มันเลยเป็นกะหรี่ (เรื่องสั้น)

ที่จริงเรื่องนี้เคยลงไว้เมื่อนานมาแล้วที่เว็บบอร์ด แต่ปรากฏว่าตอนนั้นเว็บบอร์ดล่ม จึงหายไป บัดนี้ได้นำมาลงไว้ใหม่อีกครั้งหนึ่งที่นี่ เชิญติดตาม



เมื่อไม่นานมานี้ มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้มีสมาชิก ๓ คน คือ พ่อ แม่ และลูกชาย
ลูกชายชื่อไอ้จ้อย ใบรู้จักไอ้จ้อยเป็นอย่างดี เนื่องจากเห็นมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ไอ้จ้อยมาเล่นกับเจ้าเปี๊ยกลูกชายของใบเป็นประจำ แม้ว่าบ้านของมันจะอยู่ห่างกับบ้านของเขาเกือบ ๆ ๘๐๐ เมตร
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั่งทุกวันนี้ตีนไอ้จ้อยโตกว่าฝาหอยและโตจนจะเท่าตีนของใบอยู่แล้ว มันก็ยังมาเล่นกับเจ้าเปี๊ยกที่บ้านเหมือนเดิม
วันไหนถ้าดึกมาก มันก็นอนกับเจ้าเปี๊ยกนี่แหละ ต่อเมื่อตะวันแย้มม่านพระผ่านมาโน่น มันจึงจะเดินสะลึมสะลือกลับบ้านของมัน

“อาใบ…” เสียงไอ้จ้อยร้องเรียกอยู่หน้าบ้านในคืนหนึ่ง นานแล้วเหมือนกันที่ไอ้จ้อยไม่ได้มาหาเจ้าเปี๊ยก ใบก็ไม่ใคร่ได้สนใจมากนักเนื่องจากงานที่บริษัทยุ่งมาก เพราะกำลังเร่งการผลิตเพื่อส่งออก เขาต้องกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน วันหยุดก็นอนกินบ้านกินเมืองจนเมืองหมดนั่นแหละจึงจะตื่นขึ้นมา
ไอ้จ้อยใส่ชุดนอน ร้องไห้สะอึกสะอื้น ตาบวมแดง ดูแล้วไม่น่าจะร้องไห้มาแค่วันนี้เพียงวันเดียว
“เป็นอะไรจ้อย” ใบถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตกใจไม่น้อย
“เข้ามาในบ้านก่อน มา” เขาโอบไหล่ไอ้จ้อย พาเดินเข้ามาในบ้าน ไอ้จ้อยสะอื้นฮัก ๆ ไม่หยุด
“ไหนเป็นอะไร เล่าให้อาฟังซิ”
“พ่อ...พ่อ” ไอ้จ้อยพูดไปก็สะอื้นไป
“ฮือ ๆ ๆ ๆ “
“ไม่ต้องร้องนะจ้อย ไม่ต้องร้องนะ” ใบปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับใช้มือลูบหัวเบา ๆ
เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้ อีกทั้งเขาก็ยังรู้สึกสับสน สงสัย และไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น





ท้องฟ้าวานนี้สีหม่น
สับสน-เข้าใจมีใครสน
แหวกว่ายเวิ้งนภาถลาชน
ร่วงหล่นตกวากทะเลวาย

“เพราะดีนี่จ้อย อืมม...ว่าแต่ถลาชนอะไรล่...” ใบชะงัก นึกโมโหในความปากไวของตัวเอง จ้อยเริ่มตาแดง ๆ น้ำตาคลอเบ้า
จ้อยอาศัยอยู่กับครอบครัวของใบมาได้เกือบ ๒ ปี แล้วนับจากวันนั้น และเป็น ๒ ปีที่ใบยังไม่คลายสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่
พ่อกับแม่ของจ้อยหายเงียบไปทั้งคู่ จ้อยไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตนเองหายไปไหน และไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร ใบก็เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของจ้อยหายไปไหน และไม่รู้ว่าจะเอาจ้อยไปไว้กับใคร
“จ้อย...จ้อย...จ้อยอยากเป็นนักเขียน” จ้อยสะอึกสะอื้นบอกกับใบในวันหนึ่ง
“แล้วจ้อยทำตัวอย่างนี้ จ้อยคิดว่าจะเป็นได้หรือจ้อย” ใบถามด้วยน้ำเสียงดุ
“อย่าว่าแต่เป็นนักเขียนเลย เป็นอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
จ้อยร้องไห้โฮ กอดขาเขาแน่น
ใบอดกลั้นไว้อย่างที่สุดที่จะไม่ให้น้ำอุ่น ๆ ที่เอ่ออยู่ไหลออกมาจากตา เจ้าเปี๊ยกลูกชายเขานั่นแหละที่บอกว่า ไอ้จ้อยมันไม่ยอมไปโรงเรียน แต่งตัวออกไปแต่เช้าก็จริง แต่หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนชุด แต่งหน้าทาปาก แล้วก็เอาผมปลอมมาใส่ บางวันก็กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ
ใบต้องไปคุมงานสาขาของบริษัทที่ต่างจังหวัด จึงไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้นัก

“มันก็เหมือนพ่อมันนั่นแล้ะ....พ่อมันน่ะเป็นกระเทย” เสียงเล็กแหลมและสูงปรี๊ดของแม่ค้าขายข้าวแกง ตรงข้ามร้านกาแฟในตลาดหน้าปากซอยดังมากระทบหู
“เออ...นั่นนะสิ เชื้อมันไม่ทิ้งแถวหรอกใช่มะ” อีกคนสนับสนุน
“นี่ ฉันได้ข่าวมาด้วยนะว่า...” ใบรีบวางเงินไว้ที่โต๊ะแล้วลุกออกจากร้านกาแฟไปทันที เขาไม่สามารถทนฟังข้อมูลสวะทั้งหลายเหล่านี้ได้ ทุกคนก็ด้นเดาไปตามความคิดของตัวเอง มันนานหลายปีมาแล้ว ไร้ประโยชน์กับความเจ็บปวดที่เคยมีในอดีต

แท็กซี่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง จนจอดนิ่งสนิทในที่สุด
“เท่าไหร่” ผู้ชายซึ่งโดยสารมาที่เบาะหลังตะโกนถามออกไปทันทีที่ลดกระจกลง
”พันนึง” ผู้หญิงอายุราว ๆ ๒๗-๒๘ ปี เงยหน้าขึ้นตอบ
“น้าจู!!!!” ไอ้เปี๊ยกตะโกนลั่น
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า “น้าจู” ตกตะลึงไปครูใหญ่ ก่อนจะขยับตัวเพื่อวิ่งหนี แต่ไม่ทันเสียแล้ว
“น้าจู น้าจูจริง ๆ ด้วย
ทำไมน้ามาทำอย่างนี้
ทำไมน้าอยู่ที่นี่
รู้มั้ยไอ้จ้อย...” คำพูด คำถามต่าง ๆ พรั่งพรูออกมาราวกับรถที่วิ่งไปในถนนมิตรภาพช่วงเทศกาลปีใหม่ฉะนั้น ไอ้เปี๊ยกจับไหล่ทั้งสองข้างของผู้หญิงไว้แน่น
จูน้ำตาซึม
“ไป น้าจู ไปกับผม”
จูส่ายหน้า ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอ

...

“พ่อ!!! ทำไมพ่อทำอย่างนี้ ทำไมพ่อเป็นคนอย่างนี้ เปี๊ยกเสียใจที่สุดเลย” เปี๊ยกพูดเสียงดังลั่นด้วยความโมโหเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน จ้องหน้าใบเขม็ง กำหมัดแน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม
“อะไรกันเปี๊ยก” ผู้เป็นพ่อตกใจกับน้ำเสียงและท่าทางของลูกชาย
“ทำไมพ่อทำกับน้าจู...ไม่ใช่สิ แม่!
ทำไมพ่อทำกับแม่อย่างนี้!!!!”
“จูหรือ ? แม่ของจ้อยนะหรือ ที่ไหน ?”
“หน้าโรงแรม...” เปี๊ยกบอกชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นย่านทำมาหากินของเหล่าสตรีโสเภณี ใบเลิกคิ้วเล็กน้อย
“จูเป็นกะหรี่...”
ไม่ทันที่ใบจะพูดจบเปี๊ยกตะโกนสวนขึ้นด้วยเสียงที่ดังสุดชีวิต
“ใช่!!!! น้าจูเป็นกะหรี่!!!!
แล้วน้าจูก็เป็นแม่ของเปี๊ยกด้วย!!!!”
“ใครบอกแกเปี๊ยก ใครบอกแก!!!” ใบพูดด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
“น้าจู แม่ แม่นะสิบอก ทำไมพ่อเป็นคนแบบนี้
ทำไมพ่อเป็นชู้กับน้าจู แล้วพ่อ...” เสียงของเปี๊ยกขาดหายไปเพียงแค่นั้น ก้อนแข็ง ๆ ที่จุกอยู่ในลำคอมันเหมือนดันไม่ให้เสียงใด ๆ ถูกเปล่งออกมาได้
“หึ หึ…” ใบยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
“ฟังนะเปี๊ยก ฉันอาจจะเคยมีอะไรกับจูจริง ๆ
แต่แกไม่ใช่ลูกของอินังนั่นแน่นอน
เพราะฉันเป็นหมันเปี๊ยก! ฉันเป็นหมัน!!!
ฉันขอแกมาจากสถานสงเคราะห์”
เปี๊ยกเข่าอ่อน ทรุดลงกับพื้น เขาร้องไห้แทบใจจะขาดอย่างไม่อายฟ้าดิน เขาสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าใครพูดจริง ใครพูดเท็จ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป นอกจากร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้

...



“ก๊อก ๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นประมาณตีหนึ่ง
“เข้ามา” เสียงจากในห้องดังลอดออกมา
บริกรพาหนุ่มน้อยที่ดูภายนอกเหมือนเด็กสาวแต่งตัวสะสวยเดินเข้ามาในห้อง เด็กหนุ่มเดินก้มหน้าด้วยความอาย
“ไหนเงยหน้าซิ” เสียงนั้นคุ้นหูจ้อยเหลือเกิน
และเมื่อเงยหน้าขึ้น
“พะ...พ่อ” หนุ่มใหญ่ที่ถูกเรียกว่า ”พ่อ” ก็ตกใจไม่แพ้กัน
“จ้อย”
จ้อยไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ความรู้สึกของจ้อยตอนนี้มันบอกไม่ถูก ดีใจ เสียใจ ขมขื่น สับสน หรือไม่แน่ใจก็ไม่รู้


จ้อยอยู่ในอ้อมกอดของผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกว่า “พ่อ”
“จ้อย แกไม่ใช่ลูกของพ่อ เอ๊ย! ของพี่หรอก”
จ้อยเงยหน้าขึ้นมอง
“แกไม่คิดหรือว่านังจูน่ะ มันจะเป็นเมียฉันคนเดียว มันมีผัวเป็นสิบ ๆ
แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยมีอะไรกับมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
จ้อยยิ้มอย่างเป็นสุข เมื่อฟังเขาพูดจบลง
“ก๊อก ๆ ๆ” ประตูเปิดออก หนุ่มร่างใหญ่อีกคนเดินเข้ามา
“อ้าว! ใบ มาพอดี
วันนี้เด็กใหม่เว้ยเฮ้ย คงฟิตเปรี๊ยะ”
ใบมองไปที่จ้อย ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากพร้อมกับคิดในใจ--‘คงฟิตอยู่หรอก’
วงตนตรีของชายสามคนกำลังจะเริ่มขึ้น


ธัชชัย ธัญญาวัลย (ทิวฟ้า ทัดตะวัน)
๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๙

ปัจจุบัน  เรื่องสั้นเรื่องนี้
รวมอยู่ในหนังสือ

เสี่ยวอ้าย  :   รักเล็ก ๆ  




ศิลปะ ดนตรี บทกวี และความอบอุ่น